'หัวเว่ย' โค่น 'แอปเปิล' แชมป์ยอดขายสมาร์ตโฟนโตไวสุดในจีน Q3
อานิสงส์มือถือรุ่นเรือธง Mate 60 Pro ดันยอดขาย 'หัวเว่ย' โตแรง 37% ในไตรมาส 3 ขึ้นแท่นยอดขายสมาร์ตโฟนโตไวสุดในจีน แซงหน้า 'แอปเปิล' ที่ร่วงลง 10%
Key Points
- อานิสงส์มือถือรุ่นเรือธง Mate 60 Pro ดันยอดขายหัวเว่ยโตไวสุดในไตรมาส 3 โต 37%
- 3 ค่ายมือถือจีนจับมือดันยอดขายพุ่ง สวนทาง 'แอปเปิล' ดิ่งลง 10$
- นักวิเคราะห์จับตาชิป 'คิริน' ของหัวเว่ยอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในอนาคต
บริษัทวิจัยตลาดสมาร์ทโฟน เคาเตอร์พอยท์ รีเสิร์ช เปิดเผยว่า ยอดขายสมาร์ตโฟนของ 'หัวเว่ย' (Huawei) ในจีนช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เติบโตถึง 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ครองแชมป์ยอดขายสมาร์ตโฟนเติบโตเร็วที่สุดในจีนไปครอง และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดในไตรมาสมาสนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 12.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 9.1%
นอกจากหัวเว่ยแล้ว แบรนด์สมาร์ตโฟนที่ยอดขายยังเติบโตได้ในจีนก็คือ เสียวมี่ (Xiaomi) ขยายตัว 5% และออเนอร์ (Honor) เติบโต 3% ซึ่งนับเป็นแบรนด์มือถือจากจีนทั้งคู่
ในทางกลับกัน อดีตเจ้าตลาดในจีนอย่าง 'แอปเปิล' (Apple) กลับมียอดขายรวมไตรมาส 3 ในจีนลดลงถึง 10%
ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยเผชิญวิกฤตอย่างหนักหลังถูกสหรัฐแบนมาตั้งแต่ปี 2019 แต่สถานการณ์ของหัวเว่ยพลิกกลับมาได้หลังการเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Mate 60 Pro เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมาพร้อมกับ "ชิป 7 นาโนเมตร" จนเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก และเกิดการแห่จองซื้อเครื่องอย่างล้นหลามในจีน จนทำให้ภายในช่วง 6 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว หัวเว่ยก็สามารถขายไปได้ถึง 1.6 ล้านเครื่อง
ขณะที่ยอดขาย 17 วันแรกของไอโฟน 15 ในจีนนั้น น้อยกว่าถึง 4.5% เมื่อเทียบกับรุ่นไอโฟน 14
บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า หัวเว่ยเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่ถือเป็นคู่แข่งของแอปเปิลได้ในตลาดไฮเอนด์ของจีน ซึ่งการกลับมาของหัวเว่ยในครั้งนี้อาจสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับแอปเปิลในตลาดจีน
"ถ้าหัวเว่ยสามารถต่อยอดการใช้ชิปเซ็ตคิริน (Kirin) ไปยังสมาร์ตโฟนรุ่นกลางหรือรุ่นล่างได้ในอนาคต ก็อาจเป็นการพลิกเกมตลาดสมาร์ตโฟนจีนในกลุ่มท็อปไฟว์ได้" ลูคัส จง นักวิเคราะห์จากบริษัทคานาลิส กล่าวกับซีเอ็นบีซี
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทวิจัยการตลาดเจฟเฟอรีส์ได้รายงานว่า สถานการณ์ของหัวเว่ยที่ดีขึ้นหลังการเปิดตัว Mate 60 Pro ทำให้หัวเว่ยเป็นฝ่ายพลิกกลับมาชนะแอปเปิลได้ในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดในจีน โดยขึ้นมาอยู่ที่ 23.33% เมื่อเทียบกับแอปเปิลซึ่งอยู่ที่ 22.21%