พลเมืองสหรัฐชุดแรกออกจากกาซาได้แล้ว ไบเดนขอบคุณกาตาร์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผย พลเมืองสหรัฐชุดแรกสามารถออกจากฉนวนกาซาได้แล้ว หลังจากใช้ความพยายามทางการทูตหลายสัปดาห์ กล่าวขอบคุณกาตาร์เป็นพิเศษ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงจากมินนิโซตา เมื่อวันพุธ (1 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ชื่นชมความก้าวหน้าในการช่วยเหลือพลเมืองอเมริกัน คาดว่าภายในไม่กี่วันนี้จะเดินทางข้ามด่านราฟาห์มายังอียิปต์ได้มากขึ้นอีก
ประเด็นหลักที่ไบเดนแถลงคือ รัฐบาลของเขา “กำลังทำงานไม่หยุดหย่อนเพื่อนำชาวอเมริกันออกจากกาซาโดยเร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด”
“ผมขอขอบคุณเหล่าพันธมิตรของเราในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกาตาร์ที่ทำงานกับเราอย่างใกล้ชิด สนับสนุนการเจรจาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางออกมาของพลเมืองเหล่านี้”
นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาสหรัฐได้ติดต่อพลเมืองในกาซา เพื่อกำหนด “วันเดินทางที่แน่ชัด” ให้พวกเขาออกมาผ่านราฟาห์ ช่องทางข้ามแดนแห่งเดียวของกาซาที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของอิสราเอล
ทางการสหรัฐบอกมาหลายสัปดาห์แล้วว่า กำลังหาทางช่วยเหลือพลเมืองให้ออกจากกาซา พร้อมกล่าวโทษฮามาสผู้ควบคุมดินแดนปิดล้อมแห่งนี้
นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐพยายามเข้าไปเกี่ยวข้องกับฮามาสผ่านกาตาร์ ที่เป็นพันธมิตรสหรัฐและฮามาสมีสำนักงานอยู่ที่นั่น
ทั้งนี้ นายบลิงเคนแถลงกับวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร (31 ต.ค.) ว่า สหรัฐกำลังติดตามพลเมืองราว 400 คน และญาติของพวกเขาอีก 600 คน เพื่อหาทางออกจากกาซา
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐไม่ได้เผยตัวเลขชาวอเมริกันที่ออกมาได้ในวันพุธ แต่กลุ่มที่ทำงานด้านนี้กล่าวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือของสหรัฐจำนวน 5 คน
นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การช่วยเหลือชาวอเมริกัน “ในพื้นที่ที่กำลังสู้รบกันเป็นเรื่องยาก” แต่การข้ามแดนมาได้เมื่อวันพุธ “เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่สำคัญยิ่ง”
ด้านอิสราเอลเห็นชอบให้อพยพผู้บาดเจ็บและชาวต่างชาติผ่านราฟาห์และอนุญาตให้รถบรรทุกความช่วยเหลือเข้ามาได้ แต่ไม่อนุญาตให้รถเข้ามามากกว่านี้เนื่องจากต้องใช้เวลาตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ในวันศุกร์นี้ (3 พ.ย.) นายบลิงเคนจะเดินทางไปอิสราเอลอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เกิดการโจมตีวันที่ 7 ต.ค. รวมถึงครั้งที่เดินทางร่วมมากับไบเดน
กระทรวงต่างประเทศแถลงว่า บลิงเคนจะไปเยือนจอร์แดนด้วย จอร์แดนเป็นอาหรับชาติที่ 2 ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล แต่ได้เรียกทูตกลับเมื่อวันพุธ
ส่วนท่าทีของไบเดนเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แสดงความเป็นห่วงต่อพลเรือนในกาซาที่โลกอาหรับห่วงใยชะตากรรมของพวกเขาอย่างมาก
“พวกเราได้เห็นภาพสะเทือนใจมากมายจากกาซา เด็กๆ ชาวปาเลสไตน์ร้องไห้เพราะสูญเสียพ่อแม่ ส่วนพ่อแม่ต้องเขียนชื่อลูกบนแขนและขาเพื่อระบุตัวตน เราโศกเศร้ากับความตายเหล่านั้น เรายังคงโศกเศร้ากับเด็กๆ และแม่ชาวอิสราเอลที่ถูกฮามาสสังหารโหด”ไบเดนกล่าว
การที่ฮามาสบุกเข้ามาโจมตีเป้าหมายพลเรือนในอิสราเอลทั้งบ้านเรือนและเทศกาลดนตรีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. คร่าชีวิตประชาชนกว่า 1,400 คน มากกว่าการโจมตีอิสราเอลครั้งไหนๆ นับจากนั้นอิสราเอลก็ตอบโต้ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกาซาบริหารโดยฮามาสแถลงว่า ทำให้พลเรือนเสียชีวิตกว่า 8,500 คน สองในสามเป็นเด็กและผู้หญิง