คอนเสิร์ตสวิฟต์-บียอนเซ่ หนุนธุรกิจงานดนตรีโต 32% รายได้เฉียด 3 แสนล้านบาท
คอนเสิร์ตนักร้องตัวแม่ตัวมัมอย่างเทย์เลอร์ สวิฟต์ และบียอนเซ่ หนุนรายได้ไลฟ์ เนชัั่น ธุรกิจงานดนตรีโต 32% สู่ระดับ 8,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.91 แสนล้านบาทในไตรมาสสาม
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงาน (2 พ.ย.) ว่า ไลฟ์ เนชั่น เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ธุรกิจจัดแสดงคอนเสิร์ตทำสถิติรายได้แข็งแกร่งมากสุดเท่าที่เคยมีมา โดยได้แรงหนุนหลักจากคอนเสิร์ตเทย์เลอร์ สวิฟต์ และบียอนเซ่
แอลเอสอีจี หรืออดีตที่รู้จักในชื่อเรฟินิทีฟ เผยว่า ด้วยราคาตั๋วคอนเสิร์ตและความต้องการไปคอนเสิร์ตเพิ่มสูงขึ้น หนุนรายได้ไลฟ์ เนชั่นโต 32% สู่ระดับ 8,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.91 แสนล้านบาทในไตรมาสสาม มากกว่าที่คาดไว้ที่ 6,990 ล้านดอลลาร์
โดยรายได้หลักของธุรกิจประมาณ 6,970 ล้านดอลลาร์ (2.48 แสนล้านบาท) มาจากธุรกิจคอนเสิร์ต ซึ่งประกอบด้วยการจำหน่ายสินค้าและผลิตงานดนตรี รองลงมาเป็นรายได้จากจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ต 833 ล้านดอลลาร์ (2.96 หมื่นล้านบาท)
หุ้นของบริษัทก็ดีดตัวสูงขึ้นมากกว่า 3% หลังเปิดเผยรายได้
บริษัทยังจำหน่ายตั๋วได้มากเป็นประวัติการณ์ที่ 140 ล้านใบตลอดปี 2566 มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน 17% และมากกว่าตั๋วที่เคยจำหน่ายได้ในปี 2565 ทั้งหมด 121 ล้านใบ
ยอดจำหน่ายตั๋วดังกล่าวมาจากคอนเสิร์ตของสวิฟต์และบียอนเซ่ นักร้องชื่อดังที่สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมคอนเสิร์ตหลายพันล้านดอลลาร์ และสร้างเศรษฐกิจในประเทศได้หลายพันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ยังเผยแพร่งานแสดงคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์ด้วย ซึ่งรายได้ภาพยนตร์ทัวร์คอนเสิร์ต ดิ อีราส์ ของสวิฟต์ ทำลายสถิติระหว่างเข้าฉายในโรงหนังเมื่อเดือน ต.ค. โดยสร้างรายได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ขณะที่บียอนเซ่เตรียมฉาย Renaissance World Tour ในเดือน ธ.ค.
โดยปีนี้มีหลายคอนเสิร์ตที่จัดขึ้น เช่น คอนเสิร์ตของแฮร์รี สไตล์ และแบล็กพิงก์ โดยบรรดาแฟนคลับต่างก็ใช้จ่ายในคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งไลฟ์ เนชั่นบอกว่า ความสามารถทำกำไรจากแฟนคลับโตเป็นเลขสองหลักเลยทีเดียว
ไลฟ์ เนชั่น คาดว่า บรรดาแฟนคลับจะเข้าร่วมคอนเสิร์ตต่าง ๆ มากถึง 55 ล้านคนในสิ้นปีนี้ และอาจมีแฟนคลับออกไปคอนเสิร์ตมากขึ้นในปี 2567
บริษัทเผยด้วยว่า คอนเสิร์ตครึ่งหนึ่งในปีหน้ามียอดจองจำนวนมาก เพิ่มขึ้นสองหลักจากปีนี้ โดยปีหน้าจะมีคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังหลายคน เช่น โคลด์ เพลย์, พิงก์, บรูโน มาร์ส และเอ็ด ชีแรน เป็นต้น
จนถึงตอนนี้ บริษัทจำหน่ายตั๋วใหม่ได้เพิ่มราว 17 ล้านใบ ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากตลาดต่างประเทศ
อ้างอิง:CNBC