เปิด 4 ปัจจัย ทำให้ ‘ภาพยนตร์สยองขวัญ’ เป็นหนังทำเงินตลอดกาล
เปิด 4 ปัจจัย ที่ทำให้ ‘ภาพยนตร์สยองขวัญ’ กลายเป็นหนังทำเงินตลอดกาล และเป็นประเภทภาพยนตร์ที่สำคัญในวงการฮอลลีวูด
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เผยว่า ด้วยยอดขายตั๋วมากกว่า 75 ล้านใบ มีหนังเข้าฉายในโรง 46 เรื่อง และสร้างรายได้ในสหรัฐ 798 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.83 หมื่นล้านบาท ทำให้ภาพยนตร์สยองขวัญยังคงเป็นหนังทำเงินของฮอลลีวูด และมีความสำคัญต่อวงการมากขึ้น
นับตั้งแต่ปี 2562 หนังสยองขวัญมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 2 เท่าในสหรัฐและแคนาดา และยังคงเติบโตต่อเนื่อง และก่อนถึงช่วงฮัลโลวีนปีนี้ ภาพยนตร์สยองขวัญมีสัดส่วนยอดจำหน่ายตั๋ว 10.5% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด สูงกว่าค่าเฉลี่ยยอดขายระยะยาวถึง 2 เท่า
เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับสตูอิโอที่อยากสร้างรายได้แบบรวดเร็ว ซึ่งนัมเบอร์ส ธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลภาพยนตร์ เผยว่า 20 อันดับภาพยนตร์ที่สร้างกำไรสูงสุด โดยพิจารณาจากผลตอบแทนของการลงทุนตั้งแต่ปี 2520 มีหนังระทึกขวัญติดอับดับแล้ว 9 เรื่อง
แล้วปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ภาพยนตร์แนวนี้เป็นแนวหนังที่สำคัญสำหรับเหล่าสตูดิโอ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนังทำเงินได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย บลูมเบิร์กอธิบายไว้ ดังนี้
1. ต้นทุนถูก กำไรบาน
ภาพยนตร์ระทึกขวัญต้นทุนสร้างถูกและสามารถผลิตออกมาได้อย่างรวดเร็ว หลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้ใช้เอฟเฟคเสมือนราคาแพง ไม่ต้องจ่ายเงินนักแสดงสูง หรือไม่ใช้สถานที่มากมาย และยังเชื่อมั่นว่าแฟน ๆ จะมาดูหนังของพวกเขาด้วย ต้นทุนต่ำเช่นนี้จึงทำให้มีกำไรมหาศาล
ยกตัวอย่างโปรดักชันทำกำไรคืนทุนอย่างมหาศาล เช่น Paranormal Activity หนังระทึกขวัญเหนือธรรมชาติของผู้กำกับโอเร็น เปลี สร้างด้วยงบเพียง 15,000 ดอลลาร์ แต่ทำรายได้กลับมามากถึง 194 ล้านดอลลาร์ (6.9 พันล้านบาท) ทั่วโลก
ขณะที่ภาพยนตร์ IT ของผู้กำกับสตีเฟน คิง ที่เปิดตัวเมื่อปี 2560 ก็กวาดรายได้ทั่วโลก 700 ล้านดอลลาร์ (2.4 หมื่นล้านบาท)
“เดวิด โทลชินสกี” คณบดีวิทยาลัยสื่อ ของมหาวิทยาลัยอินเดียนา และผู้สร้างภาพยนตร์ บอกว่า ผู้คนจะเลือกชมหนังสยองขวัญโดยดูจากแนวคิดเบื้องหลังของเรื่อง ความน่ากลัว ความบอบช้ำทางจิตใจ หรือจิตวิทยา หรือสถานการณ์น่ากลัว ดังนั้น ธุรกิจจึงไม่ต้องเสียเงินมากมายเพื่อให้ภาพยนตร์ปัง
แม้คะแนนวิจารณ์ที่ดีมีส่วนช่วยดึงดูดผู้ชมได้ แต่ “มาเธียส คลาเซน” ผู้อำนวยการร่วมของ Recreational Field Lab จากมหาวิทยาลัยออฮุสในเดนมาร์ก บอกว่า แค่หนังนำเสนอให้ผู้คนได้รับสิ่งที่ต้องการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นหนังที่ดีหรือการแสดงดีเสมอไป เพราะผู้ชมแค่อยากได้ความขนหัวลุกจากภาพยนตร์
- 2. รู้จักวิธีใช้ต้นทุนต่ำ
อุตสาหกรรมหนังสยองกลับมาสร้างรายได้จำนวนมากอีกครั้งเมื่อปี 2542 ซึ่งมีภาพยนตร์ The Blair Witch Project เข้าฉาย ตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ออกแบบให้เหมือนว่าเรากำลังดูวิดีโอน่ากลัวของวัยรุ่น 3 คนที่ถ่ายเอาไว้
จะเห็นว่าหนังระทึกขวัญไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือสร้างภาพสวย ๆ เพื่อให้เกิดความตื่นตาตื่นใจกับคนดู ก็สามารถทำรายได้ทั่วโลกกว่า 248 ล้านดอลลาร์ ด้วยทุนสร้างต่ำกว่า 1 ล้านดอลาร์
- 3.มีราชาสตูดิโอแห่งความสยองขวัญ
ถ้าพูดถึงหนังสยองขวัญต้องยกให้สตูดิโอบลัมเฮาส์ ที่ก่อตั้งโดย เจสัน บลัมมิน เมื่อปี 2543 สามารถทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกมากกว่า 5,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 2 แสนล้านบาท) และนัมเบอร์ส เผยว่า สตูดิโอยังผลิตภาพยนตร์สยองขวัญที่ทำรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ถึง 4 เรื่องในปีนี้
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง Five Nights at Freddy’s สามารถทำรายได้ในสหรัฐและแคนาดาในช่วงสัปดาห์เปิดตัวมากถึง 80 ล้านดอลลาร์
“อภิชัย ปรากาช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบลัมเฮาส์บอกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ของการผลิตภาพยนตร์ด้วยงบประมาณตามความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ประเภทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม
ภาพยนตร์บ็อกซ์บัสเตอร์ที่สำคัญเรื่องอื่น ๆ ในปีนี้ เช่น เรื่องM3GAN ก็เป็นของบลัมเฮาส์และออโตมิก มอนสเตอร์ สตูดิโอหนังระทึกขวัญที่สำคัญอีกบริษัท และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหนึ่งในภาพยนตร์แฟรนไชส์ทำรายได้สูงสุดอย่าง ดิ คอนจูริง ซึ่งใช้เวลาถ่ายเพียง 38 วัน และส่วนใหญ่ใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยวิทยาเขตเดียว แต่กวาดรายได้ทั่วโลกได้มากกว่า 316 ล้านดอลลาร์ ด้วยทุนสร้าง 20 ล้านดอลลาร์ในปี 2556 หลังจากนั้นหนังแฟรนไชส์อีก 7 เรื่องก็กวาดรายได้รวมกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐ
สตูดิโอ A24 Films LLC ผู้สร้างภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once, Hereditary, Midsommar, X และ Talk to Me ก็ให้ความสำคัญกับหนังประเภทสยองขวัญเช่นกัน โดยเรื่อง Talk to Me เป็นภาพยนตร์สยองขวัญทำรายได้สูงสุดอันดับที่ 10 ของโลกในปีนี้ มีรายได้เกือบ 69 ล้านดอลลาร์จากทั่วโลก ด้วยทุนสร้างเพียง 4.5 ล้านดอลลาร์
- 4.เจน Z แฟนหนังสยองตัวยง
หนึ่งในสิ่งที่น่าดึงดูดของภาพยนตร์ประเภทนี้คือการได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์แบบกลุ่ม เพราะคงน่าสนุกกว่าถ้าได้ดูหนังสยองเป็นกลุ่มๆ ในบ้านมากกว่าดูคนเดียว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนหนุ่มสาวชอบดูหนังระทึกขวัญด้วยกัน
มอร์นิง คอนซัลต์ เผยว่าหนังสยองขวัญเป็นหนึ่งในภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่คนเจน Z 1 ใน 3 ชื่นชอบ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าผู้ใหญ่สหรัฐที่ชอบเพียง 22%
ผลสำรวจยังพบว่า คนเจน Z 66% ที่ตอบแบบสอบถาม เคยเข้าไปดูหนังระทึกขวัญในโรงภาพยนตร์ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มากกว่าคนเจนมิลเลนเนียลที่มีสัดส่วน 42% คนเจน X 23% และคนเจนเบบี้บูมมีเพียง 6%
“ฌอว์น ร็อบบินส์” หัวหน้านักวิเคราะห์ของเว็บไซต์วิจัยบ็อกซ์ ออฟฟิศ โปร บอกว่า “ผู้ชมวัยหนุ่มสาวเป็นคนกลุ่มแรกที่กลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์ (หลังโควิด-19) และภาพยนตร์สยองขวัญก็เป็นประเภทหนังแรก ๆ ที่เข้าฉาย และเทรนด์นี้ก็ดำเนินแบบนี้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ”