"สงครามอิสราเอล-ฮามาส" แนวโน้มและผลกระทบ
สงครามอิสราเอล-ฮามาส ทวีความรุนแรง โดยกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ขยายปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อ 27 ตุลาคม 2023 จนถึงขณะนี้ตัวเลขความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายพุ่งขึ้นมากกว่าการสู้รบ 5 ครั้งที่ผ่านมา
นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสชนะการเลือกตั้งในปี 2006 และเข้ารับช่วงการปกครองฉนวนกาซาต่อจากจากคณะบริหารปาเลสไตน์ (Palestinian Authority-PA) ในปี 2007
สหรัฐและหลายประเทศเรียกร้องให้อิสราเอลชะลอการบุกฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวบอบช้ำจากการทิ้งระเบิดโจมตีเกือบ 3 สัปดาห์ เพื่อตอบโต้/แก้แค้นกลุ่มฮามาสที่โจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้นำชาติตะวันตกหลายรายแสดงความกังวลว่า การบุกภาคพื้นดินของอิสราเอลอาจนำไปสู่สงครามที่ขยายวงกว้างในตะวันออกกลาง
อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการขั้นที่สอง (Phase 2) ด้วยการเคลื่อนกำลังภาคพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซาซึ่งมีสภาพคล้ายนรกบนดิน (hellscape) โดย 1 ใน 10 ของอาคารในพื้นที่ดังกล่าวแหลกลาญจากการโจมตีทางอากาศของ IDF ซึ่งคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์กว่า 9,000 คน (ส่วนใหญ่เป็นเด็ก)
การปิดล้อมของอิสราเอลทำให้เกิดภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิง น้ำสะอาดและอาหารซึ่งคุกคามชีวิตมนุษย์อีกหลายพันคน
(ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขกาซาและทางการอิสราเอลระบุว่า ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 9,200 คนบาดเจ็บ 22,911 คน ผู้พลัดถิ่นที่อยู่ 1.4 ล้านคน ส่วนอิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 1,400 คนบาดเจ็บ 5,400 คน คม ผู้พลัดถิ่นที่อยู่ 250,00 คน จากเหตุโจมตีครั้งใหญ่โดยกลุ่มฮามาสเมื่อ 7 ตุลาคม 2023)
การรุกล้ำด้วยกำลังทหารอิสราเอลครั้งนี้ ใช้กลยุทธ์โอบล้อมจากเมือง Beit Hanoun ทางตอนเหนือและเมือง Bureij ทางตอนใต้ ใกล้บริเวณจุดกึ่งกลางของฉนวนกาซาซึ่งมีความยาวประมาณ 45 กิโลเมตร โดยการโจมตีทางอากาศอย่างไม่หยุดยั้ง
เพื่อสนับสนุนขบวนรถถัง ยานยนต์หุ้มเกราะบรรทุกทหารราบและทหารช่างเข้าไปตั้งฐานที่มั่นชั่วคราวในฉนวนกาซา แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นวันเผด็จศึก (D-Day) อย่างเป็นทางการหรือไม่
จุดมุ่งหมายแรกของปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลยังคงเดิมคือ การโดดเดี่ยวและทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของกลุ่มฮามาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน สังหารผู้นำ/สมาชิกระดับล่างให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และถอดถอนกลุ่มฮามาสจากการควบคุมฉนวนกาซา
โดยมีขอบเขตการปฏิบัติการกว้างขวางกว่าครั้งใด ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเตือนว่าเป็นการปฏิบัติการที่ “ที่ยากลำบากและยาวนาน”
จุดมุ่งหมายประการต่อมาคือ การช่วยเหลือตัวประกันกว่า 220 คนที่ถูกลักพาตัวเมื่อ 7 ตุลาคม 2023
ทั้งนี้ครอบครัวของตัวประกันชาวอิสราเอล รวมทั้งรัฐบาลของพลเมืองต่างชาติอย่างน้อย 41 ประเทศ (1 ใน 4 ของตัวประกันทั้งหมดเป็นแรงงานสัญชาติไทย) ต่างกดดันให้รัฐบาลอิสราเอลเร่งช่วยเหลือตัวประกัน
ขณะที่กองทัพอิสราเอลพยายามสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชนว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย 2 ประการได้พร้อม ๆ กัน
ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสงครามอิสราเอล-ฮามาสอาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ซึ่งเป็นแหล่งอุปทานน้ำมันและเส้นทางเดินเรือสำคัญ
สงครามอาหรับ-อิสราเอลในปี 1973 นำไปสู่การคว่ำบาตรน้ำมัน (Oil Embargo) และภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อ (stagflation) นานหลายปี เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ส่วนความขัดแย้งอื่น ๆ มีผลกระทบจำกัด แม้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกดูเปราะบางและกำลังฟื้นตัวจากภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่เกิดจากสงครามรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อปี 2022
สงครามในภูมิภาคแหล่งผลิตน้ำมันอาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นและส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง เริ่มจากความไม่สงบในโลกอาหรับไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 ซึ่งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงคะแนนอีกทั้งเป็นความเสี่ยงที่เราไม่รู้ว่ามีหลายสิ่งที่ยังไม่รู้ (unknown unknowns)
สำนักข่าว Bloomberg ได้พิจารณาแนวโน้มผลกระทบของสงครามต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อภายใต้สามฉากทัศน์ คือ
1) สงครามจำกัดเขตในฉนวนกาซาและอิสราเอล 2) ความขัดแย้งขยายตัวไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ซีเรียและเลบานอนซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มเฮซบอลลาห์ที่ได้รับการสนัลสนุนจากอิหร่าน กลายเป็นสงครามตัวแทนระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน และ 3) สงครามอิสราเอล-อิหร่านซึ่งเป็นคู่อริในภูมิภาค
แนวโน้มผลกระทบฉากทัศน์ทั้งสามเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ทำให้ราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ขนาดหรือความแรง (magnitude) ของผลกระทบแตกต่างกัน ความขัดแย้งยิ่งขยายตัวมากเท่าไร ผลกระทบจะยิ่งเพิ่มขึ้นจากภูมิภาคไปสู่โลก
ภาพความเสี่ยงและความเป็นไปได้ในความเป็นจริง (actual range) มีขอบเขตกว้างกว่าที่จะตรวจจับ (capture) ด้วยฉากทัศน์ทั้งสาม แม้ทำให้ขนาดของห่วงโซ่เศรษฐกิจแคบลง แต่ก็ยากที่จะ “พยากรณ์” ท่ามกลางความผันผวนในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนการทำนายภาวะสงครามยิ่งยากกว่า
อย่างไรก็ตาม ฉากทัศน์เหล่านี้อาจช่วยกำหนดกรอบความคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ข้างหน้า
ฉากทัศน์ที่ 1 ความขัดแย้งจำกัดเขตอยู่ในฉนวนกาซา ในปี 2014 กลุ่มฮามาสลักพาตัวและสังหารชาวอิสราเอล 3 คน จุดชนวนการรุกรานฉนวนกาซาทำให้มีผู้เสียชีวิต 2,000 คน การสู้รบมิได้ขยายตัวออกนอกดินแดนปาเลสไตน์ ผลกระทบต่อราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกอย่างจำกัด
ช่วงสัปดาห์แรกของสงครามครั้งนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เป็นไปได้ว่าวิถีแห่งสงครามยังคงฉายภาพความรุนแรงซ้ำเดิมร่วมกับการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน จะส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกเพียงเล็กน้อย
โดยเฉพาะหากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ชดเชยการส่งออกน้ำมันของอิหร่านด้วยปริมาณการผลิตสำรองของตน ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นบาร์เรลละ 3 - 4 ดอลลาร์สหรัฐ
(ในปี 2023 อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มวันละ 700,000 บาร์เรล จากการเจรจากับสหรัฐฯเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักโทษและยกเลิกการอายัดทรัพย์สิน หากปริมาณน้ำมันดิบจำนวนนี้หายไปจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นบาร์เรลละ 3 - 4 ดอลลาร์สหรัฐ)
ฉากทัศน์ที่ 2 สงครามตัวแทน (proxy war) กรณีสงครามขยายตัว กลุ่มเฮซบอลลาห์ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองจากอิหร่านและกองกำลังติดอาวุธในเลบานอน พร้อมตอบโต้กองกำลังอิสราเอลตามแนวชายแดนด้วยอาวุธจรวดนำวิถี
หากความขัดแย้งขยายตัวไปยังซีเรียและเลบานอน จะกลายเป็นสงครามตัวแทนระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะยิ่งสูงขึ้น
Yair Golan อดีตรองหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารอิสราเอลระบุว่า อิหร่านและเฮซบอลลาห์กำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์ ห้วงเวลาที่เฮซบอลลาห์จะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ น่าจะเป็นช่วงที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดิน (ground invasion) บุกฉนวนกาซา
หากการสู้รบขยายตัวจากจุดนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามโดยตรงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน จะทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น การนองเลือดช่วงสั้น ๆ ระหว่างอิสราเอลกับเฮซบอลลาห์ในปี 2006 ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจากฉากทัศน์แรกอีกบาร์เรลละ 5 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับราคาน้ำมันเมื่อ 13 ตุลาคม 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็นบาร์เรลละ 94 ดอลลาร์สหรัฐ
ความตึงเครียดในภูมิภาคอาจขยายตัวเป็นวงกว้าง ปัจจุบัน อียิปต์ เลบานอนและตูนิเซียกำลังติดหล่มภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจและการเมือง
การโจมตีตอบโต้กลุ่มฮามาสของอิสราเอลก่อให้เกิดการประท้วงต่อต้านอิสราเอลในหลายประเทศในภูมิภาค อาจซ้ำรอยการปฏิวัติอาหรับ (Arab Spring) หรือการลุกฮือขึ้นประท้วงต่อต้านรัฐบาลในโลกอาหรับช่วงต้นทศวรรษ 2010
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในฉากทัศน์นี้มาจากแรงกระแทกของราคาน้ำมันพุ่งขึ้นร้อยละ 10 และการลดความเสี่ยง (risk-off) ในตลาดการเงินซึ่งสอดคล้องกับช่วงอาหรับสปริง เราจับภาพการเคลื่อนไหวครั้งหลังด้วยดัชนี VIX (มาตรวัดการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง) ที่เพิ่มขึ้น 8 จุด
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 คงไว้ที่ระดับร้อยละ 6 สร้างแรงกดดันธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ให้รักษานโยบายการเงินที่เข้มงวด แม้การเติบโตของเศรษฐกิจน่าผิดหวังก็ตาม
ฉากทัศน์ที่ 3 สงครามอิหร่าน-อิสราเอล ความขัดแย้งโดยตรงระหว่างอิหร่านและอิสราเอลมีความเป็นไปได้น้อย แต่เป็นสถานการณ์อันตรายที่อาจทำให้เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและสินทรัพย์เสี่ยงดิ่งลงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเติบโตและทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง
หากอิสราเอลและอิหร่านยิงขีปนาวุธใส่กัน ราคาน้ำมันก็อาจเพิ่มขึ้นระดับเดียวกับช่วงอิรักรุกรานคูเวตในปี 1990 ด้วยจุดเริ่มต้นที่สูงขึ้นมากในขณะนี้ อาจทำให้ราคาน้ำมันแตะระดับบาร์เรลละ 150 ดอลลาร์
กำลังการผลิตสำรองของซาอุดีอาระเบียและ UAE อาจไม่สามารถช่วยได้ หากอิหร่านตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นช่องทางขนส่งน้ำมันปริมาณหนึ่งในห้าของอุปทานน้ำมันโลก
ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสงครามในตุลาคม 2023 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) เคลื่อนไหวแย่กว่าตลาดโลกอย่างต่อเนื่องโดยปรับตัวลดลงร้อยละ 6.1 ในช่วงเวลาเดียวกัน ตลาดปรับลดประมาณการกำไร (EPS) ในปี FY2023 ลงอีกร้อยละ 2 เมื่อเดือนที่แล้ว
โดยปรับลดรวมกว่าร้อยละ 20 YTD บ่งชี้ว่าภาพทั้งปีจะหดตัวลงร้อยละ 7 ในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากปัญหาแรงงานไทยที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกัน สงครามอิสราเอล-ฮามาส ยังจุดชนวนความเกลียดชังต่อต้านมุสลิมในไทย
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ รวมทั้งดวงยิหวา อุตรสินธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) วิทยาเขตอาบูดาบี ที่แบ่งปันความคิดเห็นกับสื่อไทยเกี่ยวกับความขัดแย้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ ไม่สอดคล้องกับมุมมองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เธอต้องเผชิญการตอบโต้อย่างรุนแรงจากผู้ใช้งาน YouTube, Facebook และ TikTok จำนวนหลายพันคนบอกว่าเธอไม่ใช่คนไทย เนื่องจากเธอเห็นอกเห็นใจพลเรือนชาวปาเลสไตน์และเป็นนักวิชาการมุสลิม
แบบจำลองของ Bloomberg Economics คาดการณ์ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2024 จะลดลงร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 1.7 อัตราเงินเฟ้อโลกอยู่ที่ร้อยละ 6.7 ความหวังที่ตะวันออกกลางจะมีเสถียรภาพมากขึ้นกำลังพังทลายลง
การรุกรานยูเครนของรัสเซีย สงครามการค้าสหรัฐ-จีนและความตึงเครียดเกี่ยวกับไต้หวันแสดงให้เห็นว่าภูมิศาสตร์การเมือง (geopolitics) เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดในตะวันออกกลางซึ่งไม่เคยจางหายไปแต่อย่างใด