ส่งออกจีนเซอร์ไพรส์ ! เพิ่มขึ้นในรอบ 6 เดือน สวนทางนำเข้าหดตัวต่ำคาด
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานยอดส่งออกเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน สะท้อนภาคการผลิตของจีนอาจจะเริ่มได้ปัจจัยบวกจากการค้าโลกที่ฟื้นตัวขึ้น ที่ได้รับแรงหนุนจากความต้องการรถยนต์และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสําหรับภาคการผลิตที่สําคัญ
ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ของจีนปรับตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจคาดการณ์ว่าอาจจะลดลง 1.1% หลังจากที่ร่วงลง 6.4% ในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวลง 0.6% เป็น223.5 พันล้านดอลลาร์ จากการซื้อน้ํามันและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ลดลง หลังจากขยายตัว 3% ในเดือนตุลาคม ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 3.9%
ทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 6.839 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์
ดัชนี Baltic Dry Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการค้าโลก พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะจากจีน
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ออกฤทธิ์
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนประกาศใช้เมื่อไม่นานมานี้จะมีประสิทธิภาพมากพอในการพลิกฟื้นอุปสงค์ให้แข็งแกร่งขึ้นได้หรือไม่
เนื่องจากวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์, อัตราว่างงานและภาคครัวเรือนที่อ่อนแอ ตลอดจนความเชื่อมั่นที่ถดถอยลงนั้น กำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจจีน
รวมทั้งนักวิเคราะห์มองข้ามตัวเลขการส่งออกที่เซอร์ไพรส์ตลาด โดยบริษัทที่ปรึกษา Capital Economics ของสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ความแข็งแกร่งของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นล่าสุด ส่วนหนึ่งมาจากผู้ส่งออกที่ลดราคาเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาด แต่สิ่งนี้ไม่ยั่งยืนและส่งผลเสียต่ออัตรากําไรของบริษัท ซึ่งลดลงใกล้กับระดับที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2553
วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์และระดับหนี้จีนยังน่ากังวล
ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนสำหรับปี 2566 และ 2567 ขึ้นอีกปีละ 0.4%
แต่เมื่อวันอังคาร (5 ธ.ค.) มูดี้ส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนลงสู่เชิงลบ จากมีเสถียรภาพ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์และระดับหนี้สินของจีน
ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 การจัดส่งของจีนไปต่างประเทศหดตัว 5.2% ในขณะที่การนําเข้าลดลง 6% จากการค้ากับสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และคู่ค้ารายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีส่วนทําให้ลดลง
อย่างไรก็ตาม การค้ากับรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรของจีนโดดเด่นจากกลุ่มนี้ โดยการค้าทวิภาคีพุ่งขึ้น 27% เป็น218 พันล้านดอลลาร์ในเดือนสุดท้ายของปี 2566 โดยทะลุเป้าหมายที่ 200 พันล้านดอลลาร์เร็วกว่าที่คาดไว้
ข้อมูลการค้าของเดือนพฤศจิกายนเป็นไปตามที่คาดการณ์เล็กน้อยในการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเมื่อเดือนที่แล้ว แต่การฟื้นตัวโดยรวมของจีนจากการระบาดใหญ่ชะลอตัวจากการลดลงของทรัพย์สินและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อ่อนลง
ไม่กี่วันที่ผ่านมา หน่วยงานจัดอันดับ Moody’s Investor Service ประกาศลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารจีน 8 แห่งลงสู่เชิงลบจากมีเสถียรภาพ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่มูดี้ส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้สินของประเทศท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ
อ้างอิง Nikkei