เรือสินค้าเริ่มกลับสู่ ‘ทะเลแดง’ มั่นใจทีมเรือรบสหรัฐ-นานาชาติเอาอยู่
เรือสินค้าของบริษัทชิปปิ้งระดับโลกหลายแห่ง เริ่มทยอยเปลี่ยนเส้นทางกลับคืนสู่ 'ทะเลแดง' แล้ว หลังกองกำลังนานาชาตินำโดยสหรัฐเพิ่มการรักษาความมั่นคงในน่านน้ำเข้มข้นขึ้น
รอยเตอร์สรายงานว่าบริษัทชิปปิ้งระดับโลกหลายแห่ง อาทิ เมอส์ก และ ซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม ได้กลับมาเพิ่มเส้นทางการเดินเรือสินค้าในทะเลแดงเพื่อมุ่งหน้าไปยังคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดิมตามปกติแล้ว หลังจากที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปอ้อมที่แหลมกู๊ดโฮป ในแอฟริกาใต้ เมื่อเร็วๆ นี้ เพราะปัญหาการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีในประเทศเยเมน
รายงานระบุว่า เรือสินค้า เหล่านี้ตัดสินใจทบทวนแผนการเดินเรือใหม่ หลังจากที่สหรัฐประกาศตั้งกองกำลังพันธมิตรใหม่ขึ้นมารักษาความมั่นคงในน่านน้ำทะเลแดงโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการโจมตีของกลุ่มฮูตี และมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมในกองกำลังพันธมิตรนี้แล้วกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
"เรากำลังทบทวนแผนการใหม่ โดยค่อยๆ กลับมาเพิ่มจำนวนเรือในเส้นทางไปคลองสุเอซให้มากขึ้น เรากำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเราก็พร้อมที่จะประเมินหรือปรับเปลี่ยนแผนใหม่ได้ทันทีตามที่ต้องการ" แถลงการณ์ของบริษัทซีเอ็มเอ ซีจีเอ็ม จากฝรั่งเศสระบุ
ก่อนหน้านี้ "เมอส์ก" ได้ประกาศเรื่องกลับมาเดินเรือในทะเลแดงอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลเรื่องความมั่นใจในกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐ ในขณะที่บริษัท "ฮาแพ็กลอยด์" ซึ่งเป็นกลุ่มชิปปิ้งรายใหญ่จากเยอรมนี ระบุเมื่อวันอังคารที่ 26 ธ.ค. จะแถลงในวันพุธนี้ถึงการทบทวนแผนว่าจะกลับมาเดินเรือในทะเลแดงอีกครั้ง หรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ เรือเดินทะเลนับร้อยลำได้ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือจากทะเลแดงที่มุ่งหน้าไปคลองสุเอซเพื่อไปยังยุโรป เปลี่ยนไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮปในแอฟริกาใต้แทนเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงของกลุ่มกบฏฮูตี แต่วิธีนี้ก็ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นมากทั้งในแง่ของการใช้เวลาที่นานขึ้นราว 2 สัปดาห์ ไปจนถึงต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้รอยเตอร์สยังรายงานด้วยว่า การใช้เส้นทางแหลมกู๊ดโฮปยังเจอปัญหาเพิ่มเติมอีกจากการที่ท่าเรือในแอฟริกาใต้และประเทศอื่นๆ ในทวีปแอฟริกา ไม่มีศีกยภาพมากพอที่จะรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่จำนวนมากเหล่านี้ได้ โดยมีความขัดข้องตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือ การเติมน้ำมัน ไปจนถึงเรื่องกฎระเบียบทางราชการที่ไม่เอื้ออำนวย