สองปีสัมพันธ์ ‘ซาอุดีอาระเบีย’ มั่นใจโอกาสการค้า - การลงทุน

สองปีสัมพันธ์ ‘ซาอุดีอาระเบีย’  มั่นใจโอกาสการค้า - การลงทุน

ไทย และซาอุดีอาระเบียกลับมาเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้ง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2565 ซึ่งอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จะครบรอบสองปี แต่ความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปเร็วมากทั้งภาครัฐ และเอกชน

งาน Thailand Mega Fair 2023 งานแสดงสินค้า และบริการไทยครั้งใหญ่ครั้งแรก ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เมื่อกลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างงดงามภายใต้การสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำซาอุดีอาระเบีย งานนี้ไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้าที่พบได้ทั่วไป แต่เป็นประจักษ์พยานหนึ่งของความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในยุคใหม่ ซึ่ง “ดามพ์ บุญธรรม” เอกอัครราชทูตได้เผยถึงเบื้องหลังมิตรภาพที่กลับมาอบอุ่นอีกครั้งหนึ่ง  การห่างหายกันไปนานถึง 32 ปี ชวนให้คิดว่าเมื่อต้องกลับมาคุยกันใหม่อาจจะต่อติดยาก แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

"จริงๆ  ก็มีความพยายามต่อกันมาก่อนหน้าที่ผมจะมาอยู่ที่นี่  ผมเคยเป็นอธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกามาก่อนในช่วงที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กัน เราก็ได้ติดต่อกับทางซาอุดีอาระเบียมาตลอด ส่วนใหญ่คนที่เราติดต่อด้วยก็เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา จะยากก็ตรงที่คนที่เราไม่เคยเจอ เราก็ต้องไปทำความสัมพันธ์กับเขา แต่โดยรวมแล้วเราค่อนข้างได้รับความสะดวก" ทูตดามพ์ เปิดฉากเล่าถึงความเป็นมา และเมื่อเขาได้มารับตำแหน่งที่นี่ทางซาอุดีอาระเบีย ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแน่นอนว่าต้องเน้นในทุกด้าน แต่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน มากที่สุด ตั้งเป้าเพิ่มยอดการค้า ที่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่าง 20% - กว่า 30% ต่อปี

“ถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมากว่าเราสามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์ได้รวดเร็วโดยเฉพาะด้านการค้า สินค้าไทยเป็นที่นิยม ด้านการลงทุนเราก็เห็นว่ามีสัญญาณดีจากทั้งสองฝ่ายสนใจที่จะลงทุนซึ่งกันและกัน บริษัทไทยทั้งใหญ่และเล็กเริ่มเข้ามาลงทุนในซาอุดีอาระเบียแล้ว ซาอุดีอาระเบียเองก็สนใจไปลงทุนในประเทศไทยในโครงการใหญ่หลายโครงการ เช่น กรีนไฮโดรเจน” ทูตดามพ์ กล่าวและว่า นอกจากนี้ซาอุดีอาระเบีย ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านอาหารยังสนใจลงทุนด้านเกษตรกรรม และปศุสัตว์ในประเทศไทยด้วย 

ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ เมื่อก่อนพูดถึงซาอุดีอาระเบีย ต้องนึกถึงแรงงานไทย  ถึงยุคนี้ทูตดามพ์ กล่าวว่า ต้องค่อยเป็นค่อยไป ที่นี่ต้องการแรงงานหลายสาขาแต่บางสาขาไทยเองก็ยังขาดแคลน อาทิ แรงงานก่อสร้าง คนทำงานบ้าน ดังนั้นการมาทำงานต้องขึ้นอยู่กับโอกาสในซาอุดีอาระเบีย รวมถึงกลไกตลาด และสวัสดิภาพแรงงาน "ซึ่งสถานทูตมีสำนักงานแรงงานคอยดูแลอย่างรอบคอบ ให้มาทำงานโดยมีการคุ้มครองและได้ผลตอบแทนคุ้มค่า สถานทูตสนับสนุนให้แรงงานไทยเข้ามาทำงานอย่างยั่งยืน" ทูตยืนยัน 

สำหรับงาน Thailand Mega Fair 2023 ที่จบลงไป ทูตมองว่าตอบโจทย์ความสัมพันธ์ไทย - ซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี เพราะเป็นงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ครั้งแรก หลังจากที่เคยจัดมาแล้วในเดือนส.ค.แต่ไม่ใหญ่เท่านี้ 

"Thailand Mega Fair 2023  เป็นทั้งประตู และหน้าต่างที่เชื่อมให้เห็นซึ่งกันและกัน เป็นโอกาสให้ภาคเอกชนได้เข้ามาแสดงศักยภาพด้านเศรษฐกิจของเรา ตั้งแต่ฟื้นฟูความสัมพันธ์กันมา ชาวซาอุดีอาระเบียชื่นชอบสินค้าไทยมาก"

อีกหนึ่งประเด็นที่คนทางเมืองไทยเป็นห่วง นั่นคือ สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทูตยืนยันถึงท่าทีชัดเจนของไทย "เราไม่ได้เลือกข้าง เป็นมิตรกับทุกประเทศ ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจกระทบในบางพื้นที่ ไม่ได้หมายความว่า ทุกพื้นที่มีปัญหาหมด อย่างความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียทุกวันนี้ดำเนินไปด้วยดี ปัญหาที่เกิดขึ้นกับภูมิภาคนี้ไม่มีผลกระทบกับเรา" 

จากปากคำเอกอัครราชทูตสู่ความมั่นใจของภาคเอกชน กฤษณา จรรยาสกุลวงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ที่นำสยามพิวรรธน์มาร่วม Thailand Mega Fair 2023 มองว่าซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีแต่โอกาสให้เติบโตมากมาย ไม่ว่าจะสำหรับสยามพิวรรธน์ หรือธุรกิจไทยอื่นๆ 

"ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นนาทีทองที่ใครก็ตามที่อยากจะมาลงทุนก็มา สยามพิวรรธน์เองก็มองเห็นโอกาสนี้เช่นกัน" กฤษณา กล่าวและว่า การมาร่วมงานครั้งนี้ถือเป็นการสำรวจโอกาสและเปิดตัวให้ทางตะวันออกกลางรับรู้แบรนด์สยามพิวรรธน์ ในฐานะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของประเทศไทย พิสูจน์ได้จากความสำเร็จของสยามพารากอน วันสยาม และไอคอนสยาม ที่เป็น global destination ไปแล้ว 

เช่นเดียวกับ โอฬาร วีระนนท์ ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทยักษ์เขียว ที่มุ่งมั่นส่งออกพื้นที่สีเขียวของไทยไปทั่วโลก เผยว่า หลังจากยักษ์เขียวได้ร่วมคณะสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมประเทศไทยเป็นหนึ่งในแขกชุดแรกของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2565 ได้เห็นว่าซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีโอกาส มกุฎราชกุมาร มุฮัมมัด บิน ซัลมาน ทรงเปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบีย ต้องการปลูกต้นไม้เป็นหมื่นล้านต้น 

แต่ต้องเป็นต้นไม้ที่โอกาสการรอดสูง อัตราการตายต่ำ ยักษ์เขียวก็เริ่มลงทุนหลายล้านบาท วิจัยว่าทำอย่างไรให้ต้นไม้โตเร็ว เพิ่มกำลังการผลิต เพิ่มอัตราการรอด ลดอัตราการตายได้

การส่งออกต้นไม้มายังซาอุดีอาระเบีย โอฬารไม่ได้วิเคราะห์แค่การตลาดแต่ยังมองถึงสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก และเชื่อว่าแม้ซาอุดีอาระเบียอาจยังไม่โตวันนี้ แต่ไม่เกิน 10 หรือ 20 ปี จะขึ้นมาเป็นผู้นำเบอร์ต้นๆ ของโลก 

"ใครก็ตามที่มาประเทศกลุ่มนี้จะเป็นประตูแห่งโอกาส ไม่ใช่แค่ธุรกิจต้นไม้ด้วย ผมมาซาอุดีอาระเบีย รอบนี้เป็นครั้งที่ 10 ในรอบ 1 เดือน สิ่งที่เห็นคือ เหมือนกับจีนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว คือ มาทุกทีเปลี่ยนทุกที" โอฬาร กล่าวทิ้งท้ายถึงแนวโน้มการเติบโตของซาอุดีอาระเบีย สะท้อนไปถึงเพื่อนนักธุรกิจชาวไทย 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์