'จีน' เตรียมควบคุมการลงทุนอีวีใหม่ ใช้ยาแรงเบรกการผลิตล้นไม่ลืมหูลืมตา
จีนส่งสัญญาณเตรียมควบคุมโปรเจกต์ลงทุนรถยนต์อีวีใหม่ๆ ป้องกันเอกชน-รัฐบาลท้องถิ่นแห่ผลิตจนล้น หวั่นกลายเป็นปัญหาดั๊มพ์ตลาดตะวันตกจนอาจก่อปัญหาการค้ารอบใหม่
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้าง ซิน กัวปิน รัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนว่า ทางการจีนจะดำเนินมาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทรถยนต์และทางการท้องถิ่นพัฒนาโครงการรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ใหม่ๆ ออกมาล้นตลาดมากจนเกินไป
นอกจากนี้ รัฐบาลกรุงปักกิ่งยังจะดำเนินการปราบปรามการแข่งขันที่ไม่อยู่ในกรอบ ของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานใหม่ (เอ็นอีวี) อีกด้วย
รัฐมนตรีช่วยของจีนกล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์ว่า ความต้องการซื้อรถของผู้บริโภคนั้น "ไม่มากพอ" ที่จะดูดซับการผลิตล็อตใหม่ๆ ในจำนวนมากออกมา และรัฐบาลจะใช้ "มาตรการที่รุนแรง" เพื่อหยุดการแข่งขันกันชนิดที่ไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้
ทั้งนี้ จีนเพิ่งขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของโลกในปี 2566 แซงหน้าญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรก โดยมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 58% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า ไปอยู่ที่ 4.9 ล้านคัน ในขณะที่ยอดการผลิตและยอดขายรถภายในประเทศอยู่ที่อย่างละ 30 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดเป็นปีที่ 15 แล้ว
ด้านข้อมูลจากเว็บไซต์ออโตเทรดเดอร์ในสัปดาห์นี้ระบุว่า 1 ใน 6 ของรถยนต์ที่จำหน่ายในสหราชอาณาจักรเมื่อปีที่แล้ว เป็นรถที่ผลิตในจีน ขณะที่กลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ หรือ NEV กำลังมีการแข่งขันลดราคากันอย่างดุเดือด โดยลดราคากันลงไปแล้วมากกว่า 10% จากราคาเริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม บรรดารถยนต์จากจีนที่นำโดย "บีวายดี" ซึ่งกำลังเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดในยุโรปมากขึ้นนั้น ก็กำลังทำให้เกิดข้อพิพาททางการค้ารอบใหม่ระหว่างจีนกับยุโรปด้วยเช่นกัน โดย "สหภาพยุโรป" (อียู) กล่าวหาว่ารัฐบาลปักกิ่งบิดเบือนกลไกราคาด้วยการอุดหนุนตลาดรถยนต์อีวีอย่างผิดกฎหมาย ในขณะที่ "สหรัฐ" ก็ออกกฎยกเว้นการให้มาตรการอุดหนุนทางภาษีกับผู้ซื้อรถอีวี หากรถคันนั้นๆ มีแบตเตอรี่ที่ใช้ส่วนประกอบผลิตจากบริษัทจีน
แมธเธียส ชมิดท์ ผู้ก่อตั้งบริษัทวิจัยชมิดท์ ออโตโมทีฟ รีเสิร์ช กล่าวว่า มาตรการควบคุมการผลิตรถล่าสุดของจีน อาจมีขึ้นเพื่อเป้าหมายควบคุมการใช้จ่ายของรัฐบาล และหลีกเลี่ยงการอุดหนุนโครงการอีวีที่มีปัญหา รวมถึงป้องกันความเสี่ยงฟองสบู่รถอีวี แม้ว่าจะเกิดขึ้นไปแล้วก็ตาม