เข้ายุคอเมริกันฝันสลายทำให้เสื่อม | ไสว บุญมา
ผู้มองสหรัฐอเมริกาว่าเป็นสวรรค์และฝันจะเข้าไปสร้างชีวิตใหม่จำนวนมาก เดินทางไปยังเขตแดนระหว่างเม็กซิโกกับสหรัฐ เพื่อขอเข้าไปลี้ภัยไม่เว้นวัน
ผู้มีความฝันเหล่านั้นมิจำกัดอยู่แค่ชาวละตินอเมริกัน ซึ่งประสบปัญหาสาหัสมานานจากการฉ้อโกงของผู้นำเท่านั้น หากเป็นผู้คนหลายชนชาติ รวมทั้งชาวจีนในวัยทำงาน ซึ่งคอลัมน์นี้ประจำวันที่ 12 ม.ค.อ้างถึง
พวกเขาดูจะไม่ตระหนักสักนิดว่า ชาวอเมริกันกำลังฝันสลาย ความฝันที่สลายนั้นรับรู้กันโดยทั่วไปในนามของ “ความฝันของชาวอเมริกัน” (American Dream)
ความฝันดังกล่าวมีหลายองค์ประกอบ รวมทั้งการมีชีวิตแบบอิสระที่จะยกสถานะทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นร่ำรวยและบริโภคตามความประสงค์ได้แบบไร้ข้อจำกัด การฝันเช่นนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีหลักได้แก่ มันจูงใจให้ชาวอเมริกันขยันทำงาน ผลของการทำงานหนักได้แก่ความก้าวหน้าในด้านต่างๆ พร้อมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจนใหญ่ที่สุดในโลก
ข้อเสียหลักได้แก่ มันสร้างความคาดหวังให้แก่ชาวอเมริกันโดยทั่วไปว่าตนต้องมีกินมีใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ในโลกปัจจุบัน ความคาดหวังเช่นนั้นเป็นไปได้ยากมากเนื่องจาก 2 ปัจจัย ปัจจัยแรกเกี่ยวเนื่องกับเรื่องสัจธรรม กล่าวคือ โลกเรามีทรัพยากรจำกัด การใช้ทรัพยากรเพื่อบริโภคเพิ่มขึ้นแบบไร้ข้อจำกัดย่อมเป็นไปไม่ได้ สัจธรรมข้อนี้ทำให้โลกมีการแย่งชิงกันถึงขึ้นทำสงครามดังที่กำลังเกิดอยู่ในหลายภาคพื้นโลกในปัจจุบัน
ปัจจัยที่สองเกี่ยวกับระบบสังคมและเศรษฐกิจของสหรัฐ กล่าวคือ การแข่งกันและความพยายามเอาเปรียบกันทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจไปตกอยู่ในมือของคนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งมีทรัพย์สินกองใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลของฟอร์บส์ล่าสุดบ่งว่า ในบรรดาอภิมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ขึ้นไป 23 คน 16 คนเป็นชาวอเมริกัน
ในขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันจำนวนมากยังยากจน ข้อมูลล่าสุดบ่งว่าชาวอเมริกันเกือบ 38 ล้านคน หรือ 11.5% ของประชากรทั้งหมดตกอยู่ในภาวะยากจน นอกจากกลุ่มนี้ยังมีอีกมากที่ไม่ถึงกับยากจนแต่จะทำงานหนักสักเท่าไรก็ยังตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง
ภาวะนี้เกิดขึ้นทั้งที่ข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวดีจนแทบไม่มีการว่างงาน ที่เป็นเช่นนั้นคงเพราะยุคนี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก สืบเนื่องมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้ชาวอเมริกันต้องมีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นมาก่อน และราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ชาวอเมริกันไม่อาจซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้และต้องจ่ายค่าเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
การเป็นเจ้าของบ้านเป็นองค์ประกอบสำคัญของ “ความฝันของชาวอเมริกัน” ชาวอเมริกันสองกลุ่มนี้คือแกนของผู้ที่ฝันสลาย
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่าผู้ตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังมีจำนวนเท่าไร สำนักสื่อใหญ่ซีเอ็นเอ็นเพิ่งรายงานการสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันเมื่อเดือนที่แล้วเรื่องรู้สึกอย่างไรในภาวะเศรษฐกิจที่แทบไม่มีผู้ตกงาน
และชาวอเมริกันโดยทั่วไปมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังภาวะวิกฤติจากการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ยุติ ผลปรากฏว่าชาวอเมริกันถึง 71% เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจ “แย่” และ 31% เห็นว่า “แย่มาก”
ความรู้สึกดังกล่าวของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ คงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้คะแนนนำแบบแทบไม่เห็นฝุ่นในกระบวนการลงคะแนนคัดเลือกตัวแทนของพรรคริพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในตอนปลายปีนี้
เป็นที่ทราบกันดี ขณะนี้นายทรัมป์กำลังถูกดำเนินคดีพร้อมกันถึง 5 คดี รวมทั้งการลวนลามตามด้วยการดูหมิ่นสตรี การเป่าเสกราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่อผลทางภาษีและการกู้เงิน การกดดันพนักงานเลือกตั้งให้เปลี่ยนข้อมูล การสมรู้ร่วมคิดเพื่อพลิกผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาให้ตนเป็นฝ่ายชนะ และการนำเอกสารลับของรัฐบาลไปซ่อนไว้ในบ้านของตน
หลักฐานของการถูกดำเนินคดีน่าจะบ่งชี้อย่างแจ้งชัดว่า นายทรัมป์มีปัญหาทางจรรยาบรรณถึงขั้นล้มละลาย แต่ชาวอเมริกันจำนวนมากมองข้าม เพราะการฝันสลายส่งผลให้จิตใจของพวกเขามืดบอด ความเต็มใจเลือกผู้ล้มละลายทางศีลธรรมจรรยาให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีน่าจะชี้ว่า ฝันสลายกำลังเป็นปัจจัยทำให้สหรัฐเสื่อม.