ยังไม่ทันชนะก็หนาวแล้ว 'ทรัมป์' ขู่ตั้งกำแพงภาษี 'จีน' 60%
โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะใช้มาตรการกำแพงภาษีกับจีนอีกครั้งหากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ คราวนี้จะขึ้นภาษี 60% มากกว่าเท่าตัวจากครั้งก่อนที่ 25%
Key Points
- ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่า จะตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนอีก 60% หากชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในปีนี้
- นโยบายของทรัมป์อาจกระตุ้นให้ 'สงครามการค้า' กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทรัมป์เคยตั้งกำแพงภาษีกับจีน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในครั้งก่อน
- นอกจากจีนแล้ว ทรัมป์ยังขู่จะตั้งกำแพงภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจาก 'ทุกประเทศ' ด้วย
- สงครามการค้าสหรัฐ - จีนในยุคของทรัมป์ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลก ค่าครองชีพ ตลาดหุ้น จนถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศนี้
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "Sunday Morning Futures" กับฟ็อกซ์นิวส์ ว่า จะกลับมาใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าจีนอีกครั้ง หากชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้
โดยในครั้งนี้ทรัมป์ประกาศว่าจะตั้งกำแพงภาษีถึง 60% ซึ่งสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่ทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีกับจีน 25% หรือคิดเป็นมูลค่าการค้าถึง 2.5 แสนล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากจีนแล้ว ทรัมป์ยังระบุด้วยว่าจะตั้งกำแพงภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจาก "ทุกประเทศ" ด้วย แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะทำให้ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการทำร้ายผู้บริโภคชาวอเมริกันเองก็ตาม
นิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ และเป็นผู้ท้าชิงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวของทรัมป์ว่า จะสร้างผลกระทบต่อกระเป๋าของชาวอเมริกันเอง
"สิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะทำก็คือ เพิ่มค่าใช้จ่ายของครัวเรือนอเมริกันอีก 2,600 ดอลลาร์ต่อปี" เฮลีย์ให้สัมภาษณ์กับรายการ Squawk Box ของซีเอ็นบีซี
ความเห็นนี้ยังสอดคล้องกับความกังวลของวอลล์สตรีทว่า จะทำให้สงครามการค้าปะทุขึ้นอีกครั้ง และส่งผลกระทบต่อการตั้งเศรษฐกิจ และตลาดทุนโลกรอบใหม่
จากรายงานขององค์กรคลังสมอง อเมริกัน แอคชัน ฟอรัม พบ ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2561 ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันคิดเป็นมูลค่าถึง 1.95 แสนล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา
สอดคล้องกับที่สภาธุรกิจสหรัฐ - จีนระบุว่า ผลจากสงครามการค้าทำให้มีคนตกงานถึง 2.45 แสนอัตราในสหรัฐ ในขณะที่ดอยช์แบงก์ประเมินว่าผลกระทบต่อตลาดหุ้นนั้นมีมูลค่าถึงหลักล้านล้านดอลลาร์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์