คณะทูตในประเทศไทยกับการเยี่ยมชมโครงการในพระราชดำริ | World Wide View
กระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย พร้อมคู่สมรสกว่า 60 คนจาก 40 ประเทศ เยือนจังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน และคณะทูตฯ ยังได้รับรู้ศักยภาพของไทยและสัมผัสวิถีชุมชนอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2567 กระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย พร้อมคู่สมรสกว่า 60 คนจาก 40 ประเทศ อาทิ มาเลเซีย เกาหลีใต้ เคนยา เดินทางไปยังจังหวัดเชียงรายเพื่อศึกษาเรียนรู้โครงการพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการที่มีศักยภาพและประสบความสำเร็จจากการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้เพื่อพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในวันแรกคณะทูตฯ ได้เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้พื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ในดอยอินทรีย์ ที่ประสบผลสำเร็จจากการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและหลักทฤษฎีใหม่ในศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา 904 และใช้ทรัพยากรในชุมชนให้เกิดประโยชน์และรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการธนาคารขยะ พร้อมได้นั่งบนรถรางเยี่ยมชุมชนหมู่บ้านอารยเกษตรที่เป็นต้นแบบของการพัฒนา ต่อมาได้เยี่ยมชมโครงการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนบ้านร่องบอน ซึ่งริเริ่มโดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้ความรู้วิธีการสำรวจและดูแลพื้นที่ป่าเพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ และจัดทำข้อมูลคาร์บอนเครดิตให้ภาคเอกชนนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องกับเป้าหมายของไทยในการเป็นประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2608
จากนั้นคณะทูตฯ ได้รับฟังโครงการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืนของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ณ โครงการพัฒนาดอยตุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาสู่ความยั่งยืนกับผู้เชี่ยวชาญและเยี่ยมชมสวนดอยตุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จย่าที่มีสายพระเนตรกว้างไกล นำดอกไม้และพืชที่แปลกตาต่าง ๆ มาให้คนทั่วไปได้รู้จัก
นอกจากจะได้ศึกษาโครงการพระราชดำริและโครงการต้นแบบแล้ว คณะทูตฯ ได้รู้จักมุมมองอื่น ๆ ของจังหวัดเชียงรายว่า มีศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยเมื่อปี 2566 องค์การยูเนสโก ประกาศให้เชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design) กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมจึงได้นำคณะทูตฯ เยี่ยมชมงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ หรือ “Thailand Biennale, Chiang Rai 2023” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมให้จังหวัดเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์
โครงการดังกล่าวของกระทรวงการต่างประเทศเป็นโครงการต่อเนื่อง จัดขึ้นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2545 เป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษแล้วที่ได้นำคณะทูตฯ ไปเยี่ยมชมโครงการในพระราชดำริหลายแห่งในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และให้นานาประเทศได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความผูกพันของสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนไทย นอกจากนี้ คณะทูตฯ ยังได้รับรู้ศักยภาพต่าง ๆ ของประเทศไทยและสัมผัสวิถีชุมชนอย่างใกล้ชิดในทุกแง่มุม ทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนส่งเสริมด้าน Soft Power ของไทยได้เป็นอย่างดี และเมื่อคณะทูตฯ มีความเข้าใจเกี่ยวกับไทยอย่างถูกต้องและลึกซึ้งแล้ว ก็สามารถเป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจดังกล่าวแก่รัฐบาลและประชาชนของตนได้เป็นอย่างดี
จากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ คณะทูตฯ ได้เพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณและพระกรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ไทยต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตพสกนิกรชาวไทยผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในหลายสาขา โดยเฉพาะสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีซึ่งทรงผลักดันให้เกิดโครงการดอยตุง และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ที่ทรงเป็นต้นแบบกษัตริย์แห่งการพัฒนา สะท้อนให้เห็นจากโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการในไทย นอกจากนี้ ยังได้สัมผัสวิถีชุมชนท้องถิ่นที่เป็นผลผลิตของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย และภาครัฐผลักดันและส่งเสริมการพัฒนาให้เป็นประสิทธิผลและเป็นที่ยอมรับในเวทีต่างประเทศ ซึ่งคณะทูตฯ ต่างชื่นชมและให้ความสมใจถึงผลสัมฤทธิ์ของโครงการในพระราชดำริ เชื่อว่า ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ นี้จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างคณะทูตฯ คนไทยในพื้นที่ต่าง ๆ ก่อเป็นความประทับใจของทั้งคนไทยและคณะทูตฯ ตลอดไปแม้ว่าจะหมดวาระประจำการจากประเทศไทยไปแล้วก็ตาม