‘อินวิเดีย-อัลฟาเบท’โชว์ฟอร์มเด่นสุดในตลาด รับสตอรี่ AI และขยายธุรกิจ
‘อินวิเดีย-อัลฟาเบท’มาร์เก็ตแคปพุ่ง 14% และ 9% โชว์ฟอร์มเด่นสุดในตลาดเดือนมี.ค. รับอานิสงส์ AI และการขยายธุรกิจในปีนี้ สะท้อนภาพรวมตลาดเทคโนโลยีปี 2567 สดใส
อินวิเดีย Nvidia ( Nvidia Corp - NVDA.O) และ อัลฟาเบท Alphabet ( Alphabet Inc - GOOGL.O) คือบริษัทที่มูลค่าตามราคาตลาด (market cap) เพิ่มขึ้นมากที่สุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากกระแสความสนใจในปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความคาดหวังเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่และแผนการขยายตัวของทั้งสองบริษัท
โดยมูลค่าตลาดของ Nvidia พุ่งสูงแตะ 2.25 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 14% จากเดือนกุมภาพันธ์ ส่วน Alphabet มีมูลค่าตามราคาตลาดเพิ่มขึ้น 9% เป็น 1.8 ล้านล้านดอลลาร์
ราคาหุ้นของ Nvidia พุ่งขึ้นในเดือนที่แล้ว หลังจากบริษัทประกาศว่าชิป A รุ่นเรือธงตัวใหม่ ที่จะมีกำหนดวางจำหน่ายปลายปีนี้
ในขณะเดียวกันราคาหุ้นของ Alphabet ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากมีรายงานว่า Apple สนใจที่จะนำเอา AI Gemini ของ Google มาผสานเข้ากับ iPhone
ทั้งนี้กระแสนิยม AI ยังช่วยผลักดันให้มูลค่าของบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC)เพิ่มสูงขึ้น มูลค่าตามราคาตลาดของ TSMC พุ่งขึ้นประมาณ 12% อยู่ที่ 6.3 แสนล้านดอลลาร์
ในทางกลับกัน มูลค่าตามราคาตลาดของ Tesla Inc (เทสลา) กลับลดลงมากที่สุด โดยลดลงประมาณ 13% เหลือ 5.5 แสนล้านดอลลาร์ หลังเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการของรถยนต์เทสลา, การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และการถูกตรวจสอบประเด็นค่าตอบแทนของ CEO Elon Musk ที่มีมูลค่าสูงถึง 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้านแอปเปิ้ล Apple Inc ก็กำลังเผชิญกับขาลงเช่นกัน โดยมูลค่าตามราคาตลาดลดลง 5.1% เหลือ 2.65 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากยอดขาย iPhone ที่ชะลอตัวและค่าปรับมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ จากหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปในข้อหาละเมิดการแข่งขัน
ภาพรวมตลาดเทคโนโลยีปี 2567
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งประสบความสำเร็จในตลาดหลักทรัพย์อย่างมากในปีนี้ โดยข้อมูล ณ ปัจจุบันปี 2567 มูลค่าตลาดของ Nvidia, Meta Platforms และ TSMC เพิ่มขึ้นตามลำดับ ดังนี้
- Nvidia เพิ่มขึ้น 81.8%
- Meta Platforms เพิ่มขึ้น 42%
- TSMC เพิ่มขึ้น 26%
มาร์ค ฮาเฟเล หัวหน้าฝ่ายบริหารการลงทุนระดับโลกของ UBS Global Wealth Management กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่มีสินทรัพย์ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ มากเกินไปและต้องการกระจายความเสี่ยงออกนอกกลุ่มธุรกิจนี้ ชี้โอกาสการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ และหุ้นขนาดเล็กและกลางของยุโรป ที่คาดว่าผลการดำเนินงานใกล้เคียงกับหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเดียวกัน
อ้างอิง reuters