'ฟิทช์' หั่นแนวโน้มเครดิต 'จีน' เป็น 'ลบ' หลังเศรษฐกิจอยู่ในความเสี่ยง

'ฟิทช์' หั่นแนวโน้มเครดิต 'จีน' เป็น 'ลบ' หลังเศรษฐกิจอยู่ในความเสี่ยง

จีนโดน 'ฟิทช์ เรทติ้งส์' หั่นแนวโน้มเครดิตเป็น 'ลบ' หลังเศรษฐกิจอยู่ในความเสี่ยง ขณะที่กำลังปฏิรูปโครงสร้างประเทศ คาด GDP จีนหดตัวลงแตะ 4.5% ในปีนี้ แต่อันดับ IDR ของจีนยังเป็น A+

ฟิทช์ เรทติ้งส์” (Fitch ratings) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำได้ปรับลด “แนวโน้ม” อันดับความน่าเชื่อถือของจีน ลงจาก "มีเสถียรภาพ" เป็น "ลบ" โดยอ้างอิงถึงความเสี่ยงการคลังของจีน ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการเติบโตแบบใหม่

ฟิทช์คาดการณ์ว่า การขาดดุลของรัฐบาลจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2567  ซึ่งสูงกว่าปี 2566 ที่ 5.8% และเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ 8.6%  เนื่องจากมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดของปักกิ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก

อันดับ IDR ของจีนยังเป็น A+

แม้ว่าจีนจะถูกปรับลดแนวโน้มลง ซึ่งอาจมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงในอนาคต แต่ฟิทช์ยังคงอันดับ IDR ของจีนไว้ที่ "A+"  แม้จะปรับลดแนวโน้มลงเป็น "ลบ"

นอกจากนี้ ฟิทช์คาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงเป็น 4.5% ในปี 2567 จาก 5.2% ในปีที่แล้ว 

ถึงแม้ว่ารัฐบาลปักกิ่งจะมีความหวังว่า GDP ของประเทศจะเติบโตไปที่ 5.0% ในปี  2567 แต่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นเป้าหมายที่ "ท้าทาย"

หลังจากที่โรงงานจีนสามารถผลิตสินค้าได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เช่นเดียวกับยอดขายปลีกและตัวชี้วัดเงินเฟ้อผู้บริโภคที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

ฟิทช์ กล่าวว่า "การปรับลดมุมมองครั้งนี้ สะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อฐานะการคลังของจีน เนื่องจากประเทศจีนกำลังเผชิญกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนมากขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านจากการเติบโตที่พึ่งพาภาคอสังหาริมทรัพย์ ไปสู่รูปแบบการเติบโตที่ยั่งยืนกว่า ตามที่รัฐบาลมองไว้"

หลังจากประกาศปรับลดมุมมอง กระทรวงการคลังของจีน แสดงความเสียใจต่อการตัดสินใจของฟิทช์ในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม 2566 มูดี้ส์ ได้ออกมาตรการเตือนการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของจีน โดยอ้างถึงภาระค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นและบริษัทของรัฐ รวมถึงการควบคุมวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีน

อ้างอิง CNBC

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์