เมื่อถึงวันครูอเมริกันพกปืนเข้าห้องเรียน
สังคมอเมริกันจะเดินเข้าสู่จุดพลิกผันอันสำคัญยิ่งอีกครั้ง หลังการตัดสินข้อขัดแย้งด้วยลูกปืนจะเกิดขึ้นในห้องเรียนคล้ายในภาพยนตร์คาวบอย ซึ่งได้รับความที่นิยมสูงสุดในช่วงสองทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เหตุการณ์สำคัญที่ไม่เป็นข่าวแพร่หลายและไม่ได้รับความสนใจที่จะวิพากษ์อย่างกว้างขวาง แต่ชี้ให้เห็นแก่นของประเด็นได้อย่างดีคือ วุฒิสภาของรัฐเทนเนสซีเพิ่งผ่านร่างกฎหมาย ซึ่งจะอนุญาตให้ครูและผู้ทำงานในโรงเรียนระดับชั้นมัธยมพกปืนเข้าไปในโรงเรียนได้ด้วยเสียงท่วมท้น 26-5
ร่างกฎหมายฉบับนั้น สรุปการหาทางแก้ปัญหาร้ายแรงที่แสดงอาการออกมาในรัฐเทนเนสซี นั่นคือเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อปลายเดือน มี.ค.2566 อันเกิดจากสตรีคนหนึ่งบุกเข้าไปในโรงเรียนแล้วยิงเด็กอายุ 9 ขวบ 3 คนตาย พร้อมกับผู้ใหญ่อีก 3 คน ก่อนที่เธอจะถูกตำรวจยิงตายภายในอาคารเรียน
รายงานต่อมาบ่งว่า สตรีผู้นั้นมีปัญหาทางจิตเวชมาเป็นเวลานาน แต่ยังสามารถซื้อหาอาวุธปืนชนิดต่างๆ หลายกระบอกมาไว้ในครอบครองได้ นอกจากปืนคล้ายจำพวกที่นิยมใช้ในกองทัพ 2 กระบอกและปืนสั้นอีก 1 กระบอกที่เธอนำติดตัวเข้าไปในโรงเรียนแล้ว ต่อมาตำรวจยังพบว่าเธอมีอีก 4 กระบอกในบ้าน
การซื้อปืนมาไว้ในครอบครองได้ทั้งที่มีปัญหาทางจิตเวชดังกล่าว สะท้อนให้เห็นหนึ่งในประเด็นพื้นฐานที่สังคมอเมริกันกำลังเผชิญอยู่
นั่นคือนักการเมืองส่วนใหญ่จากระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ อยู่ใต้อิทธิพลของผู้มีผลประโยชน์ จากการผลิตและค้าอาวุธปืนและกลุ่มผลประโยชน์อื่นๆ ทำให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐเป็นง่อยมานาน
นักการเมืองส่วนน้อยไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายควบคุมการซื้อขายและการครอบครองปืนได้ ไม่ว่าปืนนั้นจะมีความจำเป็นเพราะอะไร และจะเป็นจำพวกมีศักยภาพสูงคล้ายปืนที่ใช้อยู่ในกองทัพหรือไม่
ในช่วงนี้มีรายงานล่าสุดของเหตุการณ์เกี่ยวกับอาวุธปืนในโรงเรียนอีก 2 เรื่องด้วยกัน นั่นคือ เรื่องแรก ศาลในรัฐมิชิแกนตัดสินจำคุกอย่างน้อย 10 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี พ่อกับแม่ของวัยรุ่นชายที่ใช้ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติยิงเพื่อนนักเรียนในโรงเรียนมัธยมตาย 4 คน และบาดเจ็บ 7 คน เมื่อปี 2564
ตอนนั้นผู้ยิงอายุ 15 ปี มีปัญหาทางจิตเวชเป็นที่ประจักษ์มานาน แต่พ่อแม่ยังซื้อปืนให้เป็นของขวัญและแทนที่จะเก็บปืนนั้นไว้ในที่ปลอดภัยเสียเอง หรือมีเงื่อนไขให้ลูกทำกลับปล่อยปละละเลย
เรื่องที่สอง อัยการของรัฐเวอร์จิเนียแถลงว่าจะสอบสวนต่อไปให้แน่ใจว่า มีความพยายามปกปิดความจริงหรือไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์สยองขวัญอันเกิดจากนักเรียนอายุ 6 ขวบพกปืนไปโรงเรียน และใช้ยิงครูเมื่อเดือน ม.ค.2566 หลังเหตุการณ์ ศาลได้ตัดสินจำคุกแม่ของเด็ก 21 เดือน
แต่อัยการยังเชื่อว่าทางผู้บริหารโรงเรียนอาจมีความผิดที่ปล่อยให้เด็กนำปืนเข้าไปในโรงเรียนได้โดยไม่ทำอะไรอย่างจริงจัง และหลังเกิดเหตุการณ์ได้ทำลายหรือโยกย้ายหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เด็กคนนั้นมีปัญหาทางวินัยมานานและเคยทำผิดร้ายแรงถึงขั้นพยายามบีบคอครู
นอกจากเหตุการณ์ทั้งสองที่เกิดจากนักเรียนเป็นผู้ก่อแล้ว ยังมีการสังหารหมู่อันเกิดจากผู้ใหญ่ หรือวัยรุ่นจากภายนอกบุกเข้าไปยิงในโรงเรียนบ่อยๆ อีกด้วย เช่น เหตุการณ์สยองขวัญในโรงเรียนชั้นประถมในรัฐเท็กซัสเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเด็กถูกยิงตาย 19 คน พร้อมกับครูอีก 2 คน
ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์สยองขวัญเช่นนั้น หลายฝ่ายจะออกมาเสนอการป้องกันและแก้ไข การผ่านร่างกฎหมายของวุฒิสภาแห่งรัฐเทนเนสซีเป็นวิธีล่าสุด
ร่างกฎหมายนั้นจะต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนก่อนจะออกมาบังคับใช้ เป็นไปได้ว่ามันจะตายในระหว่างอยู่ภายในขั้นตอนเหล่านั้น แม้มันจะออกมาเป็นกฎหมาย แต่มันไม่น่าจะแก้ปัญหาได้เนื่องจากมันเป็นความพยายามแก้แค่ปลายเหตุเท่านั้น แทนที่จะแก้ปัญหา
ถ้ารัฐต่างๆ ผ่านร่างกฎหมายในแนวเดียวกันทั่วประเทศ โรงเรียนอเมริกันจะกลายเป็นสถานที่ซึ่งมีการตัดสินข้อขัดแย้งด้วยลูกปืนเช่นเดียวกับในภาพยนตร์คาวบอย
วันนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ถ้าการแก้ปัญหายังทำแค่ที่ปลายเหตุต่อไป สังคมอเมริกันจะล่มสลายแน่นอน