Tiktoker กับสหรัฐ จะต้องเจอกับอะไร ถ้า TikTok โดนแบน?
สหรัฐจ่อแบน Tiktok เขย่าขวัญครีเอเตอร์ที่ใช้แอปพลิเคชันในการเป็นช่องทางทำมาหากิน กำลังกระทบธุรกิจขนาดเล็กซึ่งสร้างงานและรายได้ที่มีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์
"คุณจะรู้สึกยังไง ถ้าอยู่ดีๆ ช่องทางทำมาหากินถูกระงับ" โอฟีเลีย นิโคลส์ หนึ่งใน TikToker ที่ชื่อว่า "shoelover99" ระบายออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยโอฟีเลียเป็นหนึ่งในผู้สร้างคอนเทนต์และอินฟลูเอ็นเซอร์บนโลกออนไลน์ที่ใช้ช่องทางนี้หารายได้หลัก แต่จู่ๆ Tiktok กลับส่อเค้าว่าจะหายไปจากสหรัฐ
TikTok มีช่องทางต่างๆ สำหรับการสร้างรายได้ เช่น Creativity Program ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบรางวัลให้กับ วิดีโอที่ได้รับความนิยมมีความยาวมากกว่า 1 นาที นอกจากนี้ผู้สร้างคอนเทนต์ยังสามารถสร้างรายได้ผ่านความร่วมมือกับแบรนด์และการขายสินค้าผ่านระบบ Affiliate บน TikTok Shop รวมถึงการได้รับ "ของขวัญ" เสมือนจริงจากผู้ติดตามระหว่างการไลฟ์สด
นิโคลส์ มีผู้ติดตามบน TikTok มากกว่า 12.5 ล้านคน เธอใช้แอปพลิเคชั่นนี้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และการพูดจาโวยวายด้วยสำเนียงใต้ที่หนักแน่น โพสต์ของเธอได้รับการเข้าชมหลายล้านครั้ง และเธอก็หารายได้ส่วนใหญ่จากการเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ต่างๆ เพื่อโปรโมทสินค้า เช่น Home Chef
แบน Tiktok กระทบเศรษฐกิจ ธุรกิจขนาดเล็ก
หลังจากที่มีความเคลื่อนไหวทางกฎหมายที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในสัปดาห์นี้ นิโคลส์ก็ไม่แน่ใจว่าอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป
โดย ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามในร่างกฎหมายเมื่อ วันพุธที่ผ่านมา บังคับให้ ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีน ขาย กิจการ TikTok ให้แก่สหรัฐไม่เช่นนั้นจะถูกแบนในสหรัฐ
“Tiktok ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและผู้สร้างคอนเทนท์สร้างชุมชนของตนเองได้ มันเป็นช่องทางที่เปิด โอกาสให้ทุกคนสามารถดูแลครอบครัวได้ในแบบที่พวกเขาอาจจะไม่เคยทำมาก่อน มันเปลี่ยนชีวิตผู้คนไปเลย"
การแบนแอปฯ อาจจะใช้เวลานานหลายปี เพราะ TikTok ประกาศว่าจะฟ้องร้องต่อศาล แต่ในระหว่างนี้ ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง
ผลการศึกษาจาก Oxford Economics ที่สนับสนุนโดย TikTok ชี้ว่าธุรกิจขนาดเล็กและกลางที่ใช้แพลตฟอร์ม TikTok ช่วยสร้างงานได้ 224,000 ตำแหน่งในปี 2566 ธุรกิจเหล่านี้สร้างรายได้เกือบ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีส่วนช่วยต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐ (GDP) ประมาณ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566
นิโคลส์ เป็นหนึ่งในคนที่ร่วมต่อต้านการแบนแอปฯ และอธิบายให้สมาชิกสภาคองเกรสฟังว่า เธอทำธุรกิจบนแอปฯอย่างไร ซึ่งนิโคลส์ยืนยันว่า TikTok ไม่ได้ขอให้เธอเข้าร่วมการประท้วง
"คุณกำลังละเมิดสิทธิตามบทบัญญัติที่หนึ่งของรัฐธรรมนูญ สิทธิเสริภาพในการพูด การแสดงออก การชุมนุม และการยืนคำร้องต่อรัฐบาล" นิโคลส์กล่าว
บนแพลตฟอร์ม TikTok เอง มีโพสต์ต่อต้านการแบนแอปฯมากกว่า 585,000 โพสต์ โดยส่วนใหญ่เป็นวิดีโอที่ติดแฮชแท็ก #KeepTikTok และ #SaveTikTok
โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ TikTok ในการสร้างความบันเทิงออนไลน์ ขณะเดียวกันผู้ใช้หลายคนก็ร้องขอให้รักษาแพลตฟอร์มนี้ไว้ เนื่องจากมันเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างรายได้ของพวกเขา
หลังจากประธานาธิบดีไบเดนลงนามในร่างกฎหมายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา TikTok ประกาศว่ามาตรการนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญและจะท้าทายกฎหมายดังกล่าวในชั้นศาล
Tiktok เผยว่า "เราเชื่อว่าข้อเท็จจริงและกฎหมายสนับสนุนเราอย่างชัดเจน และสุดท้ายแล้วเราจะชนะ และการแบนครั้งนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจ 7 ล้านแห่ง และปิดกั้นเสียงของชาวอเมริกัน 170 ล้านคน"
ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐโต้แย้งมานานแล้วว่า TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยอ้างว่ารัฐบาลจีนอาจใช้ข้อมูลจากแอปฯ เพื่อสอดแนมผู้ใช้ชาวอเมริกัน และเผยแพร่ข้อมูลเท็จและทฤษฎีสมคบคิด
ขอแค่แยกตัวจาก ByteDance
วุฒิสมาชิก มาร์คเวน มัลลิน จากพรรครีพับลิกัน รัฐโอกลาโฮมากล่าวกับรายการ "Last Call" ทางช่อง CNBC ในวันอังคารที่ผ่านมาว่า กฎหมายนี้ไม่ได้เป็นการแบน แต่เป็นข้อกำหนดให้ TikTok แยกตัวเองออกจาก ByteDance
"คุณยังคงสามารถรักษาแพลตฟอร์มไว้ คุณยังคงดำเนินธุรกิจต่อได้ แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังใช้ระบบการจัดอันดับ (algorithm) ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นเองสำหรับ ByteDance และ Tiktok รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่พวกเขาใช้ในเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ“
แต่ทว่าครีเอเตอร์หลายคนกำลังเจอปัญหาว่ากลุ่มผู้ชมแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่ง Tiktok สามารถเพิ่มกลุ่มผู้ชมได้มาก
"ถ้าเราปิด TikTok พวกเขาก็จะไปติดตามคุณบน Meta' ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริง" V Spehar พิธีกรรายการ "Under the Desk News" รายการข่าวรูปแบบสั้นที่มีผู้ติดตามบน TikTok มากกว่า 3 ล้านคน กล่าว "มันไม่เป็นความจริงสำหรับคนจำนวนมาก มิเช่นนั้นเราคงย้ายไปแล้ว"