‘สลายชุมนุม’ ม.แคลิฟอร์เนีย หลังเหตุปะทะกลุ่มหนุนปาเลสไตน์-อิสราเอล | World In Brief

‘สลายชุมนุม’ ม.แคลิฟอร์เนีย หลังเหตุปะทะกลุ่มหนุนปาเลสไตน์-อิสราเอล | World In Brief

ตำรวจสลายการชุมนุมในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สะท้อนความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐ ด้านไบเดนชี้ อเมริกันมีสิทธิประท้วง แต่ต้องไม่ก่อความวุ่นวาย ขณะที่แอปเปิ้ลหุ้นขึ้นเพราะรายได้มากกว่าคาดการณ์

‘สลายชุมนุม’ ใน ม.แคลิฟอร์เนีย หลังเกิดเหตุปะทะระหว่าง 'กลุ่มหนุนปาเลสไตน์-อิสราเอล'

ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมของนักศึกษาหนุนปาเลสไตน์ในหลายมหาวิทยาลัยของสหรัฐเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ค.) รวมถึงมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในลอสแอนเจลิส (UCLA) ตอกย้ำถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐสัปดาห์นี้

ระหว่างการสลายชุมนุมใน UCLA มีเสียงระเบิดแสง (stun grenade) จากเจ้าหน้าที่หลายสิบครั้ง ขณะที่ผู้ประท้วงบางคนหาโล่และร่มมากำบังชั่วคราว และฉายแสงแฟลชเข้าไปในตาของเจ้าหน้าที่

ก่อนหน้าการสลายชุมนุม UCLA ได้ระงับการเรียนการสอนในวันพุธ (1 พ.ค.) หลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงหนุนปาเลสไตน์ และกลุ่มคนสวมหน้ากากที่สนับสนุนอิสราเอล ซึ่งการปะทะกันดังกล่าวสร้างความกังวลว่านักศึกษาจะตกอยู่ในอันตราย จึงนำไปสู่การสลายการชุมนุม

‘ไบเดน’ เตือน ชาวอเมริกันประท้วงได้ แต่อย่าสร้างความวุ่นวาย

หลังจากเงียบอยู่นาน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐก็ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหตุความไม่สงบในมหาวิทยาลัยเนื่องจากสงครามในกาซา เมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ค.) ว่า ชาวอเมริกันมีสิทธิประท้วง แต่ต้องไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง

“มีสิทธิประท้วง แต่ไม่มีสิทธิสร้างความปั่นป่วน” ปธน.ไบเดนกล่าว และย้ำว่า “การทำลายทรัพย์สินไม่ใช่การประท้วงอย่างสงบ มันละเมิดกฎหมาย ความป่าเถื่อน การบุกรุก การทำลายหน้าต่าง ปิดมหาวิทยาลัย ทำให้ต้องยกเลิกการเรียนการสอน และระงับพิธีสำเร็จการศึกษา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การประท้วงอย่างสันติ”

รายได้ ‘แอปเปิ้ล’ Q2 เกินคาด จ่อซื้อหุ้นคืน 110,000 ล้านดอลล์

ซีเอ็นบีซี เผยว่า หุ้นแอปเปิ้ลพุ่งสูงถึง 7% ในช่วงการซื้อขายหลังปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ค.) หลังบริษัทเผยรายได้ไตรมาส 2 มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และประกาศขยายการซื้อหุ้นคืน

แอปเปิ้ลมีรายได้ในไตรมาสล่าสุด 90,750 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เล็กน้อยที่ระดับ 90,010 ล้านดอลลาร์ แต่ยอดขายตกต่ำ 4% และยอดขายไอโฟนร่วง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากความต้องการสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดซบเซา

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติงบประมาณซื้อหุ้นคืน 110,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าการซื้อหุ้นคืนเมื่อปีก่อน 22% ที่ระดับ 90,000 ล้านดอลลาร์