แผนบุกโลกของรถ 'อีวีเวียดนาม' สะดุด? นักลงทุนไม่เชื่อมั่น ทุบหุ้น Vinfast ดิ่งเหว 65%

แผนบุกโลกของรถ 'อีวีเวียดนาม' สะดุด? นักลงทุนไม่เชื่อมั่น ทุบหุ้น Vinfast ดิ่งเหว 65%

ราคาหุ้นรถไฟฟ้าเวียดนาม 'Vinfast' ดิ่งหนัก 65% ในปีนี้ บ่งชี้นักลงทุนกังขาแผนบุกตลาดโลก หลังยอดส่งมอบไตรมาสแรกทำได้แค่ 10% จากเป้าหมาย ส่วนยอดขายนอกตลาดเวียดนามเจอการแข่งขันสูง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาหุ้น “วินฟาสต์” (Vinfast) ที่ดิ่งลงหนักถึง 65% ในปีนี้ สะท้อนถึงความท้าทายที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเวียดนาม ฝ่าม เญิ๊ต เวือง กำลังเผชิญ โดยเฉพาะเป้าหมายอันทะเยอทะยานที่จะบุกไปตีตลาดทั่วโลก

ผู้ผลิตรถ EV ภายใต้การนำของเวือง ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Vinfast กำลังเบิกทางสู่ตลาดโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่คู่แข่งจีนกำลังเร่งการส่งออก และ ค่ายรถอีวีรายใหญ่จากสหรัฐ Tesla เพิ่งลดราคาลงเมื่อเดือนที่แล้ว โดย Vinfast กำลังเดิมพันกับโรงงานในสหรัฐที่นอร์ธ แคโรไลนา มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 และบริษัทยังมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซียและอินเดีย เพื่อขยายธุรกิจในตลาดสำคัญๆ  

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการเพิ่มยอดส่งมอบรถอีวีเกือบสามเท่าให้เป็น 100,000 คันในปีนี้ จาก 34,855 คัน ในปีที่แล้ว กลับทำไปได้เพียง 10% ของเป้าหมายเท่านั้นในไตรมาสแรกปีนี้ โดยบริษัทสามารถส่งมอบรถยนต์ได้เพียง 9,689 คัน ส่วนใหญ่เป็นการขายให้กับบริษัทในเครือหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Vinfast เอง 

ในขณะที่ราคาหุ้นของ VinFast กลับดิ่งลงเหลือเพียง 2.89 ดอลลาร์ต่อหุ้นในวันศุกร์ (3 พ.ค.) หรือร่วงลงแล้วถึง 65% ในปีนี้ จากราคา 8.37 ดอลลาร์ต่อหุ้น ณ สิ้นปี 2566 ขณะที่มูลค่าตลาดของบริษัทหายวับไปแล้วถึงกว่า 90% นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นสหรัฐในเดือน ส.ค. 2566 ซึ่งราคาหุ้นรถเวียดนามรายนี้เคยพุ่งทะยานขึ้นถึง 700% ในช่วงสองสัปดาห์แรก 

เคน ฟุง นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence กล่าวว่า “VinFast มีความทะเยอทะยานมากเกินไป และอาจเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่องเมื่อขยายกิจการไปยังต่างประเทศอย่างรวดเร็ว พวกเขาอาจประสบความสำเร็จในเวียดนามเพราะไม่มีคู่แข่งมากนัก แต่ในสหรัฐและภูมิภาคอื่นๆ อาจเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงกว่า”

เวืองซึ่งถือหุ้นใน VinFast 98% เคยให้คำมั่นว่าจะลงทุนด้วยทรัพย์สินส่วนตัวอีกอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์ใน VinFast เขายังคาดการณ์ว่า บริษัทจะบรรลุ “จุดคุ้มทุน” หรือมี “กำไรขั้นต้นเป็นบวก” ในปี 2568 ถึงแม้ว่าบริษัทซึ่งยังไม่เคยทำกำไรได้ จะขาดทุนไปแล้ว 618.3 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีนี้ก็ตาม

เนื่องจากตลาดภายในเวียดนามมีขนาดเล็ก บริษัทจึงตั้งเป้าหมายยอดขายในต่างประเทศให้ได้มากถึง 50 แห่งภายในสิ้นปี 2567 ตามการวิจัยของ HSBC Global Research ที่คาดการณ์ว่า ยอดขายรถอีวีต่อปีในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่าจะไม่ถึง 1 ล้านคันในปีนี้

ฟุงมองว่า VinFast อาจต้องระดมทุนเพิ่มสำหรับแผนการขยายกิจการ โดยกล่าวว่า “เป้าหมายของบริษัทที่จะทำกำไรขั้นต้นในปี 2568 อาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากอัตราการดำเนินงานในปัจจุบัน และภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม”

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเช่น ไบรอัน ด็อบสัน จากบริษัทชาร์ดัน แคปิทัล มาร์เก็ตส์ ยังมองว่าเป็นโอกาสซื้อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีความคืบหน้าเรื่องการขยายดีลเลอร์และการส่งมอบรถยนต์ โดยเฉพาะในตลาดเวียดนามที่น่าจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ได้ โดยให้ราคาเป้าหมายหุ้นวินฟาสต์ที่ 13 ดอลลาร์ต่อหุ้น

อ้างอิง: Bloomberg