'สหรัฐ' ขึ้นบัญชีดำ 37 หน่วยงาน 'จีน' อ้างเหตุผลความมั่นคง งดทำการค้าด้วย
สหรัฐขึ้นบัญชีดำการค้ากับบริษัทและหน่วยงานจีนเพิ่มอีก 37 แห่ง อ้างเหตุผลด้านความมั่นคง พบในจำนวนนี้ 11 แห่งเอี่ยวเหตุการณ์บอลลูนสอดแนม บางแห่งเกี่ยวข้องกับโครงการควอนตัมและนิวเคลียร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานในวันนี้ (10 พ.ค.) ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำ (blacklist) บริษัทและหน่วยงานในจีนอีก 37 แห่ง โดยอ้างถึงความกังวลด้านความมั่นคงของชาติ โดยในจำนวนนี้ 11 แห่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บอลลูนสอดแนมที่ลอยเหนือน่านฟ้าสหรัฐ เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา
หน่วยงานของจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำในครั้งนี้ มีตั้งแต่บริษัทเอกชนไปจนถึงสถาบันวิจัย โดยจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจกับบริษัทในสหรัฐ และต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเสียก่อน จึงจะสามารถจัดซื้อผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีจากบริษัทของสหรัฐได้
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐยังระบุว่า หน่วยงาน 22 แห่งจากทั้งหมด 37 แห่งที่ถูกขึ้นบัญชีดำนั้น มีความเกี่ยวข้องกับความพยายามของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยี "ควอนตัม" และการซื้อสินค้าที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านควอนตัมของจีน
นอกจากนี้ หน่วยงานบางแห่งยังมีความข้องเกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านโครงการ "นิวเคลียร์" ของจีน หรือมีความข้องเกี่ยวในการส่งออกสิ่งของควบคุมไปยัง "รัสเซีย"
"การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากการกระทำของจีน ซึ่งรวมถึงการที่จีนพยายามปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย" อลัน เอสเตเวซ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฝ่ายอุตสาหกรรมและความมั่นคงระบุในแถลงการณ์
เอสเตเวซเสริมว่า สหรัฐจำเป็นต้องระมัดระวังในการป้องกันไม่ให้หน่วยงานดังกล่าวของจีนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติได้
สหรัฐจะต้องระมัดระวังในการป้องกันไม่ให้หน่วยงานดังกล่าวจากการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติได้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า บอลลูนสอดแนมขนาดยักษ์ที่ต้องสงสัยว่าถูกใช้สอดแนมทั่วสหรัฐ ถูกพบเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนก.พ. ปีที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นชนวนครั้งใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน