'เอมิเรตส์' ทำกำไรทุบสถิติปีที่ 2 แตะ 5,100 ล้านดอลลาร์ อานิสงส์ดีมานด์แกร่ง
เอมิเรตส์ กรุ๊ป ทำกำไรทุบสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แตะ 5,100 ล้านดอลลาร์ เหตุดีมานด์ยังคงแข็งแกร่ง พร้อมจับมือพาร์ตเนอร์ใหม่ ขายการเข้าถึงหลายพื้นที่ทั่วโลก
เอมิเรตส์ กรุ๊ป ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เปิดเผยกำไรประจำปี สิ้นสุด 31 มี.ค. 2567 พุ่งสู่ระดับ 5,100 ล้านดอลลาร์เป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 71% จากปีก่อนหน้า จากที่ระดับ 3,000 ล้านดอลลาร์ และทำลายสถิติสูงสุดเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากความต้องการลูกค้ายังคงแข็งแกร่ง
ส่วนรายได้รวมเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 37,400 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เอมิเรตส์ กรุ๊ป ยังมีสภาพคล่องที่ 47,100 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 11%
ขณะที่ยอดผู้โดยสารและขีดความสามารถด้านการขนส่ง (ปริมาณการผลิตรวม) เพิ่มขึ้น 20% สู่ระดับ 57,700 ล้านตัน-กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2566-2567 เกือบแตะระดับก่อนเกิดโควิด-19
การให้บริการโดยสารของสายการบินเอมิเรตส์ ก็ทำสถิติสูงสุด มีผู้โดยสาร 51.9 ล้านคนในปีงบประมาณดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 19% และเอมิเรตส์ สกายคาร์โก (Emirates SkyCargo) ธุรกิจขนส่งสินค้าของเอมิเรตส์ มียอดจัดส่งสินค้าที่ 2.2 ล้านตันทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อนหน้า 18%
บริษัทเผยด้วยว่า การขยายเครือข่ายเส้นทางอย่างครอบคลุม ช่วยสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของบริษัท รวมถึงการกลับมาให้บริการเดินทางไปยังสนามบินฮาเนดะ ในกรุงโตเกียว และบริการเที่ยวบินประจำวันใหม่ๆ ที่เดินทางไปยังเมืองมอนทรีออล แคนาดา
นอกจากนี้เอมิเรตส์ยังได้ลงนามข้อตกลงการใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกันและข้อตกลงร่วมระหว่างสายการบิน กับพาร์ตเนอร์สายการบินใหม่ 11 แห่ง เพื่อเสริมแกร่งความเชื่อมโยง และการขยายการเข้าถึงทั่วโลก
ด้าน “ชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มักตูม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เอมิเรตส์ กรุ๊ป กล่าวว่า เอมิเรตส์ กรุ๊ป ทำรายได้มากเป็นประวัติการณ์ในอีกระดับ ตลอดทั้งปีบริษัทเห็นความต้องการใช้ขนส่งทางอากาศและบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพิ่มสูงทั่วโลก รวมถึงความสามารถให้บริการตามที่ลูกค้าต้องการได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้ธุรกิจได้รับผลตอบแทนมหาศาล
“พวกเราได้ผลประโยชน์จากการลงทุนอย่างไม่หยุดยั้งในสินค้าและบริการ รวมถึงการสร้างความแข็งแกร่งกับพาร์ตเนอร์ และจากบุคลากรที่มีความสามารถของเรา” ซีอีโอ กล่าว
อ้างอิง: AEROTIME HUB