สงครามการค้ารอบใหม่! 'สหรัฐ' ประกาศตั้งกำแพงภาษี 'จีน' 6.6 แสนล้าน

สงครามการค้ารอบใหม่! 'สหรัฐ' ประกาศตั้งกำแพงภาษี 'จีน' 6.6 แสนล้าน

'สหรัฐ' ประกาศมาตรการขึ้นภาษีสกัดสินค้าจีนทะลัก 'EV' เจอขึ้นภาษี 4 เท่าเป็น 100% ด้านภาษีโซลาร์เซลล์พุ่งเป็นสองเท่าแตะ 50% ทยอยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีนี้ ด้าน 'จีน' ประณามเป็นการกีดกันทางการค้า

ทำเนียบขาวของสหรัฐแถลงในวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า สหรัฐจะใช้มาตรการทางภาษีรับมือกับสินค้าราคาถูกจากจีนที่ทะลักเข้ามาในประเทศ โดยกำแพงภาษีรอบใหม่นี้จะครอบคลุมสินค้าจีนจีนคิดเป็นมูลค่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 6.6 แสนล้านบาท) และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีนี้ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม 

สำหรับสินค้าจีนที่เข้าข่ายถูกขึ้นภาษีในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สหรัฐเคยแสดงความกังวล อาทิ

  • รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) - ขึ้นภาษีจากเดิม 27.5% เป็น 102.5%
  • แผงโซลาร์ - ขึ้นภาษีจากเดิม 25% เป็น 50%
  • เหล็กและอะลูมิเนียม (บางประเภท) - ขึ้นภาษีจากเดิม 0% หรือ 7.5%  เป็น 25%
  • แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (EV) - ขึ้นภาษีจากเดิม 7.5% เป็น 25% 
  • แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (non-EV) - ขึ้นภาษีจากเดิม 7.5% เป็น 25% (เริ่ม 2569)
  • เซมิคอนดักเตอร์ - ขึ้นภาษีจากเดิม 25% เป็น 50% (เริ่ม 2568)
  • กระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยา - ขึ้นภาษีเป็น 50%
  • อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) - ขึ้นภาษีจากเดิม 0% หรือ 7.5% เป็น 25%
  • ถุงมือยาง - ขึ้นภาษีจากเดิม 7.5% เป็น 25% (เริ่ม 2569)

นอกจากสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ อีวี แบตเตอรี่ แผงโซลาร์ เหล็กและอะลูมิเนียมตามที่มีรายงานอ้างแหล่งข่าวไปก่อนหน้านี้ ยังมี "สินค้าในกลุ่มการแพทย์" ที่ถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษีเป็นครั้งแรกอีกด้วย เช่น ไซริงค์และเข็มฉีดยา หน้ากากอนามัย และถุงมือยางทางการแพทย์

สินค้าส่วนใหญ่ที่ถูกขึ้นภาษีในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567 นี้เป็นต้นไป แต่สินค้าบางรายการ เช่น แบตเตอรี่ และกราไฟท์ธรรมชาติ จะมีระยะปรับตัวโดยทยอยมีผลบังคับใช้ในภายหลัง โดยส่วนหนึ่งเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐมีเวลาปรับตัวขยายการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ

ในขณะที่กำแพงภาษีสินค้าจีนชุดเดิมที่ถูกประกาศใช้ตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีการบังคับใช้ต่อไปตามเดิม โดยไม่มีการเพิ่มหรือลดอัตราภาษีในส่วนนี้ 

"จีนกำลังผลิตสินค้าในอัตราและวิธีที่ไปไกลเกินกว่าอุปสงค์ทั่วโลกจะสามารถคาดการณ์ได้" ซีเอ็นบีซีอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสทำเนียบขาวรายหนึ่ง

"นั่นจะทำให้ตลาดโลกถูกท่วมไปด้วยอุปทานสินค้าจีน ที่บั่นทอนศักยภาพการผลิตในประเทศของเรา และ...ทำให้พวกเราทุกคนทั่วโลกเสี่ยงต่อการถูกบีบทางเศรษฐกิจ"

ประเด็นจีนร้อนรับการเลือกตั้งปธน.สหรัฐ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การประกาศขึ้นภาษีสกัดสินค้าจีนครั้งนี้ยังมีขึ้นในขณะที่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 ใกล้มาถึงในเดือน พ.ย.นี้ โดยไบเดนพยายามที่จะงัดข้อกับ "จีน" พร้อมกับทำให้ "แตกต่าง" ไปจากยุคของทรัมป์ ที่ถูกมองว่าใช้การตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนครั้งใหญ่แบบหว่านแหมูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์

รายงานระบุว่า รัฐบาลไบเดนต้องระมัดระวังในการรักษาสมดุลระหว่างการขึ้นภาษีเพื่อสกัดการล้นทะลักของสินค้าราคาถูกจากจีน แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องระวังไม่ให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่มากเกินไปด้วย และยังต้องระมัดระวังไม่ให้สถานการณ์บานปลายจนกระทบต่อความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จีนอาจดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการค้าตามมา

จีนประณามสหรัฐกีดกันทางการค้า 

ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีนได้แถลงประณามกรณีสหรัฐ สร้างข้อวิตกกังวลด้านกำลังการผลิตส่วนเกิน และความหวาดกลัวด้านความมั่นคงของชาติเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนอย่างเกินจริง ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาขั้นพื้นฐานของลัทธิกีดกันทางการค้า

นายฟู่ปิ่งเฟิง รองประธานกรรมการบริหารและเลขานุการสมาคมฯ เน้นย้ำว่าพฤติกรรมกีดกันทางการค้าและแยกตัวโดดเดี่ยวดังกล่าวมิควรเป็นแกนสำคัญของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ โดยฟู่กล่าวคำข้างต้นหลังจากมีรายงานข่าวสหรัฐวางแผนจัดเก็บภาษีศุลกากรแบบใหม่กับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน

ผู้แทนอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน กล่าวด้วยว่า วิสัยทัศน์ระดับโลกและกรอบความคิดเปิดกว้างเป็นสิ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ที่แข็งแกร่ง พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของจีนในการเปิดกว้างระดับสูงเพื่อเพิ่มพูนโอกาสในตลาดแก่กลุ่มบริษัทยานยนต์ทั่วโลก

ที่มา : CNBC, Bloomberg, Xinhua