ซีอีโอ JPMorgan จี้สหรัฐเร่งลดขาดดุลงบประมาณ ชี้ 'ยิ่งแก้เร็วยิ่งดี'
ซีอีโอ JPMorgan จี้ ‘รัฐบาลสหรัฐ’ เร่งลดขาดดุลงบประมาณ ยิ่งแก้เร็วเท่าไรยิ่งดี หลังตัวเลขขาดดุลฯ ล่าสุดอยู่ที่ 6% ขณะที่สัดส่วนหนี้ต่อ GDP สูงแตะ 100%
เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) JPMorgan Chase บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Sky News ในวันนี้ (15 พ.ค.) ว่า รัฐบาลสหรัฐควรเร่งลดการขาดดุลงบประมาณ ยิ่งเร็วยิ่งดี พร้อมเตือนว่าปัญหานี้มีแนวโน้มจะสร้างความเสียหายบานปลาย หากยังถูกมองข้ามต่อไป
ความเห็นของ ซีอีโอ JPMorgan มีขึ้นหลังจากผ่านพ้นช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว และรัฐบาลวอชิงตันประกาศลดอัตราภาษีและออกมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจประเทศในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19
“อเมริกาใช้เงินไปมหาศาล ในช่วงโควิดและหลังโควิดระบาด การขาดดุลงบประมาณของเราตอนนี้อยู่ที่ 6% นั่นเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่ก็ชัดเจนว่าช่วยกระตุ้นการเติบโตได้เช่นกัน”
นอกจากนั้น ไดมอนเสริมว่า ทุกประเทศสามารถกู้ยืมเงินมากระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้บางส่วน แต่ก็อาจไม่นำไปสู่การเติบโตที่ดีเสมอไป
“อเมริกาควรตระหนักว่า เราจะต้องให้ความสำคัญกับปัญหาการขาดดุลงบประมาณมากกว่านี้สักหน่อย และนั่นก็มีความสำคัญกับทั่วโลกด้วย”
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลกลางใช้จ่ายงบประมาณไปแล้ว 8.55 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าที่จัดเก็บได้ในปีงบประมาณ 2567 ส่งผลให้ประเทศขาดดุลงบประมาณมหาศาล
ขณะที่ในปีงบประมาณ 2566 ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์
“ตอนนี้ คุณมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณ 6% และสัดส่วนหนี้ต่อ GDP อยู่ที่ 100% ซึ่งมันจะยังอยู่ระดับนี้ไปอีกสักพัก แต่ยิ่งเราโฟกัสปัญหานี้ได้เร็วเท่าไร ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น” ไดมอนกล่าว
ทั้งนี้ ซีอีโอ JPMorgan เสริมว่า เขาหวังว่ารัฐบาลสหรัฐจะให้ความสำคัญกับการลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณอย่างจริงจัง และทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจคึกคักไปพร้อมกัน
“ถึงจุดหนึ่ง การขาดดุลงบประมาณก็จะสร้างปัญหาอยู่ดี แล้วคุณจะรอทำไม” ไดมอนระบุ “ปัจจัยเกี่ยวกับตลาดจะทำให้เกิดปัญหานี้ และเมื่อถึงจุดนั้น คุณก็อาจต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ยุ่งยากกว่าในตอนนี้อย่างมากก็ได้”
อ้างอิง: CNBC