'แคนาดา' จ่อเดินตามสหรัฐ เล็งขึ้นภาษีสกัดรถ 'อีวีจีน
แคนาดาเผยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขึ้นภาษีรถยนต์อีวีจีนเหมือนสหรัฐ หลังเจอรถ 'Tesla เมดอินไชน่า' ทะลักเข้าประเทศเพิ่ม 5 เท่า
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานอ้าง แมรี อึ้ง รัฐมนตรีพาณิชย์แคนาดา ว่า รัฐบาลแคนาดา กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่นำเข้าจากจีนหรือไม่ หลังจากที่สหรัฐเพิ่งประกาศขึ้นภาษีรถอีวีจีนเป็น 4 เท่า ไปทะลุระดับ 100% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
"เรากำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และกำลังหารือเรื่องนี้กับทางรัฐบาลสหรัฐอยู่" อึ้งให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ระหว่างการเข้าร่วมประชุมกรอบความร่วมมือเอเปค ที่ประเทศเปรู
ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนหลายรายการรวมมูลค่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 6.6 แสนล้านบาท) ในจำนวนนี้รวมถึงการขึ้นภาษีรถอีวีจีนจาก 27.5% ไปเป็น 102.5% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันแคนาดามีการจัดเก็บภาษีนำเข้ารถอีวีจากจีนอยู่ที่ประมาณ 6% เท่านั้น
รัฐมนตรีพาณิชย์แคนาดาย้ำว่า จุดมุ่งหมายหลักของแคนาดาต้องการเน้นย้ำให้ความสำคัญก็คือ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ โดยยกตัวอย่างกรณีที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด เพิ่งลงนามความร่วมมือกับบริษัทรถยนต์ชั้นนำอย่าง ฮอนด้า มอเตอร์ (Honda) และโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) เพื่อเปิดโรงงานผลิตรถไฟฟ้า แบตเตอรี่ และชิ้นส่วนในรัฐออนแทริโอ ของแคนาดา
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีน ยังมีสัดส่วนการเข้ามาลงทุนในแคนาดาน้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตจากจีนเข้ามามากกว่า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าของบริษัท เทสลา อิงค์ (Tesla) ที่นำเข้ามาจากโรงงานในเซี่ยงไฮ้ เพื่อมาจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือ
ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการนำเข้ารถเทสลาจากจีนเข้ามาผ่านทางท่าเรือแวนคูเวอร์ เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า เป็น 4.4 หมื่นคัน หลังจากที่เทสลาเปลี่ยนไปเป็นการนำเข้ารถยนต์รุ่น Model Y จากจีนมาจำหน่ายในอเมริกาเหนือแทน แม้ว่าจะมีโรงงานผลิตทั้งในแคนาดาและสหรัฐก็ตาม