ทูตออสเตรเลียเตือน สงครามไต้หวันเปลี่ยนโลก
ทูตออสเตรเลียประจำสหรัฐเตือน สงครามไต้หวันจะส่งผลต่อโลกมากพอๆ กับผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้โลก “เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน นายเควิน รัดด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำสหรัฐ อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัยเมื่อสิบปีก่อน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (6 มิ.ย.) ที่โฮโนลูลูว่า ถ้าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้อายุครบ 71 ปีในเดือนนี้ ต้องการบรรลุ “การรวมชาติครั้งสุดท้าย” กับไต้หวัน เขาน่าจะทำในทศวรรษหน้าก่อนเข้าวัย 80 ปี
“เราคงโง่เง่าหากเพิกเฉยสัญญาณทางทหารของจีนที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ รวมถึงรูปแบบการซ้อมรบเมื่อเร็วๆ นี้” ส่วนจีนจะดำเนินการหรือไม่ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของจีนต่อความแข็งแกร่งในการป้องปรามของสหรัฐ
จีนอ้างว่าไต้หวันที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นดินแดนของตน และไม่ละทิ้งความคิดใช้กำลังเพื่อควบคุมเกาะนี้ ด้านไต้หวันปฏิเสธคำอ้างของจีนมาโดยตลอด กล่าวว่า ประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินใจอนาคตตนเอง
สหรัฐแสดงความกังวลที่กองทัพจีนทำกิจกรรมใกล้ไต้หวัน รวมถึงช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี และช่วงประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ สาบานตนเมื่อเดือนก่อน ขณะที่จีนเตือนสหรัฐไม่ให้แทรกแซงกิจการภายในระหว่างจีนกับไต้หวัน
ไต้หวันกับสหรัฐไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ เนื่องจากวอชิงตันรับรองรัฐบาลปักกิ่งอย่างเป็นทางการ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายจัดหาเครื่องมือให้ไต้หวันป้องกันตนเอง และเป็นผู้สนับสนุนสำคัญที่สุดของไต้หวันในเวทีระหว่างประเทศ
นายรัดด์กล่าวต่อไปว่า สหรัฐยอมรับว่าหากจีนรวมไต้หวันได้สำเร็จจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือต่อสหรัฐ และ “และส่งผลรุนแรงชนิดที่ไม่อาจย้อนกลับได้ต่อความเชื่อถือของพันธมิตรสหรัฐทั่วโลก”
สหรัฐ จีน และไต้หวัน มีผลประโยชน์ร่วมกันในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางทหารอย่างเปิดเผยกรณีอนาคตของไต้หวัน
“ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ผลกระทบทางการเมืองภายใน และความเสียหายทางภูมิยุทธศาสตร์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้จากสงครามนี้อาจรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร (อเมริกาชนะ จีนชนะ หรือยันกันอย่างนองเลือด) โลกหลังสงครามจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”