‘มาริษ’ พบสื่อ เร่งบอกโลก 'ไทยคืนสู่ ปชต. -รัฐบาลโปรธุรกิจ'
‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์’ เปิดตัวกับสื่อมวลชนครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงแนวทาง Ignite Thailand Reignite Thai Diplomacy ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้วยการทูตมืออาชีพ
KEY
POINTS
- มาริษ เสงี่ยมพงษ์ ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้วยการทูตมืออาชีพในสามมิติ
- ฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย ฟื้นคืนความเชื่อมั่นกลับมาอย่างเร่งด่วน หลังความขัดแย้งการเมืองทำเสียโอกาสไปมาก
- ฟื้นคืนบทบาทผู้นำของไทยทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ชูจุดแข็งไทยมีแต่มิตร ไม่มีศัตรู แม้แต่มหาอำนาจก็เข้าใจ
- ให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านสูงสุด บูรณาการซอฟต์พาวเวอร์คุณค่าวัฒนธรรมร่วม ย้ำประเด็นเมียนมาเปราะบางต้องค่อยๆ ทำ
‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์’ เปิดตัวกับสื่อมวลชนครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงแนวทาง Ignite Thailand Reignite Thai Diplomacy ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้วยการทูตมืออาชีพ
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบปะกับสื่อมวลชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศในงาน Meet the Press#1 ณ ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออธิบายภาพรวมงานด้านต่างประเทศที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ในสามมิติ เริ่มต้นจาก
- มิติที่ 1 ฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย ฟื้นคืนความเชื่อมั่นกลับมาอย่างเร่งด่วน
สืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตทำให้ประเทศเสียโอกาส จำเป็นต้องฟื้นฟูและดึงความสนใจจากทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลกกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อให้ไทยมีบทบาททั้งในระดับภูมิภาคและประชาคมโลก ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก
“นายกรัฐมนตรีไม่ได้เน้นแค่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังเน้นการทำธุรกิจระหว่างไทยกับมิตรประเทศ เพราะปัจจุบันนโยบายสำคัญที่สุดของรัฐบาลคือการเร่งบอกประชาคมโลกให้รับทราบว่า ตอนนี้ประเทศไทยได้กลับคืนสู่การเป็นประเทศประชาธิปไตยพร้อมเปิดกว้างกับภาคธุรกิจ ไม่มีช่วงเวลาไหนจะทำธุรกิจกับประเทศไทยได้มากเท่าช่วงนี้เพราะมีรัฐบาลที่โปรธุรกิจ”
ในมิตินี้ใช้นโยบายต่างประเทศเน้นเศรษฐกิจที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผลประโยชน์จะตกแก่ประชาชนรากหญ้าของทั้งสองประเทศเพื่อให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น สำหรับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จะใช้กลไกสถานทูตทั่วโลกเกือบ 100 แห่ง และทีมไทยแลนด์ที่ กต.บูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ เสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศกลับคืนมา ด้วยการดึงดูดการค้า การลงทุน การศึกษา แบบเชิงรุก “วิ่งไปหา counterpart ไม่ใช่รอให้เขามาหาเรา” ซึ่งภาคเอกชนในฐานะพื้นฐานของห่วงโซ่มูลค่ามีบทบาทมากในฐานะ Real player ขณะที่ภาครัฐเป็นผู้อำนวยความสะดวก
- จุดแข็งประเทศไทย
ด้วยจุดแข็งที่ไทยมีไม่ว่าจะเป็นทำเลที่อยู่ระหว่างกลุ่มอาเซียนและบิมสเทค (BIMSTEC: ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ) เท่ากับว่าไทยเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างตะวันออกกับตะวันตกทั้งยังใกล้ชิดกับประเทศแปซิฟิกใต้ เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม 8 สาขาตามนโยบาย Ignite Thailand
อีกหนึ่งตัวช่วยของมิติที่ 1 คือส่งเสริมการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยมองไปที่ประเทศตลาดเกิดใหม่ในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียกลางที่มีศักยภาพ
“โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจจะบุกประเทศตลาดเกิดใหม่ให้มากที่สุด ให้นายกรัฐมนตรีได้ไปเยือนอย่างเป็นรูปธรรม” รมว.ต่างประเทศให้คำมั่น
- มิติที่ 2 ฟื้นคืนบทบาทผู้นำของไทยทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
อาเซียนถือเป็นเสาหลักในมิตินี้ซึ่งไทยเป็นผู้ก่อตั้งอาเซียนตามปฏิญญากรุงเทพฯ และเป็นผู้นำการพัฒนาจากกลุ่มความร่วมมือทางการเมืองสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนในปัจจุบัน
“ไทยมีจุดยืนที่ยูนีคมากๆ ไม่มีศัตรู เป็นมิตรกับทุกประเทศ เราจะช่วยมิตรประเทศแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันของมหาอำนาจ ทั้งคู่รู้ว่าเราเป็นมิตรกับอีกฝ่าย อยากให้มองว่าไทยเป็นสะพานเชื่อมได้”
ในความร่วมมือกับมิตรประเทศ ไทยจะทำในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี เช่น RCEP, APEC, IPEF ที่เน้นบทบาทภาคเอกชนซึ่งไทยจะได้ประโยชน์มากขึ้น, ACD (Asia Cooperation Dialogue: ความร่วมมือเอเชีย) ที่ไทยเป็นผู้ก่อตั้ง และเสนอตัวเป็นประธานในปี 2568
ส่วนความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคีที่ไทยจะเข้าร่วมในอนาคต ได้แก่ BRICS และ OECD
- มิติที่ 3 ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
รมว.มาริษย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับเพื่อนบ้านสูงสุด ในประเด็นเมียนมาเน้นความมั่นคงบริเวณชายแดน ต้องการสร้างเสริมสันติสุขร่วมกัน ขณะนี้ไทยมีบทบาทในการแก้ปัญหายาเสพติด คอลล์เซ็นเตอร์ ธุรกิจสีเทา และอยากเป็นผู้เล่นสำคัญสร้างการเจรจาสันติภาพ มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
“แต่สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นเปราะบาง ต้องค่อยๆ ทำ” รมว.ต่างประเทศย้ำ
ด้านการท่องเที่ยวมีนโยบายหกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง (Six Countries One Destination) ประเทศเพื่อนบ้านชายแดนติดกันท่องเที่ยวร่วมกันได้ด้วยรถไฟความเร็วสูง
ในมิติที่ 3 ซอฟต์พาวเวอร์มีบทบาทอย่างมาก ไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีวัฒนธรรมร่วมกัน หากบูรณาการกันได้จะสร้างความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
ในตอนท้าย รมว.มาริษสรุปว่า นโยบายหลักที่กระทรวงต่างประเทศจะทำต่อไปนี้เน้นในสามส่วน
การเมือง เน้นบทบาทประเทศไทยเข้มข้น เป็น Key player ในประชาคมโลกมากขึ้น
ความร่วมมือด้านธุรกิจ ผลักดันภาคเอกชนทำธุรกิจร่วมกัน สร้างความอยู่ดีกินดีไปถึงรากหญ้าของประเทศ
สังคม อยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยั่งยืน
“และทั้งหมดนี้ก็คือ Reignite Thai Foreign Policy” รมว.มาริษกล่าวทิ้งท้ายท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับอบอุ่น