บัณฑิตจบใหม่จีนกว่าครึ่งยัง ‘เตะฝุ่น’ เด็กยุคใหม่หางาน ‘ราชการ’ เป็นหลัก

บัณฑิตจบใหม่จีนกว่าครึ่งยัง ‘เตะฝุ่น’ เด็กยุคใหม่หางาน ‘ราชการ’ เป็นหลัก

บัณฑิตจีนจบใหม่ยังหางานยาก มีแค่ 48% ที่ได้รับข้อเสนองาน ลดลงจากปีที่แล้ว 2.4% ความไม่แน่นอนของบริษัทเอกชน ทำให้นักศึกษาจีนจำนวนมากหันไปหางานราชการ - รัฐวิสาหกิจ

เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียรายงานอ้างข้อมูล Zhaopin บริษัทด้านทรัพยากรบุคคลว่า "บัณฑิตจบใหม่ชาวจีนกำลังเผชิญ “ภาวะหางานอย่างยากลำบาก” โดยมีเพียง 48% หรือน้อยกว่าครึ่งที่ได้รับข้อเสนองานเบื้องต้น

สำหรับ 48% ที่ได้รับข้อเสนองาน เป็นตัวเลขที่ลดลง 2.4% จากปีที่แล้ว โดยขณะที่เหลืออีก 2 เดือนก่อนจบการศึกษา ยังมีนักศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโทมากกว่าครึ่งที่ยังไม่ได้งาน

ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 อัตราส่วนของบัณฑิตจบใหม่ที่ได้รับข้อเสนองานเบื้องต้น อยู่ที่ประมาณ 75% มาโดยตลอด แต่หลังจากนั้น อัตราส่วนนี้ได้ลดลงเป็นต่ำกว่า 50% ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2565 ซึ่งตรงกับช่วงที่รัฐบาลจีนล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทเอกชนกำลังลดการรับพนักงานใหม่ ซึ่งรวมถึงบริษัทเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และสถาบันกวดวิชา ซึ่งเดิมทีเป็นแหล่งงานสำคัญของบัณฑิตจบใหม่ แต่เนื่องจากรัฐบาลจีนได้เข้ามาควบคุมอุตสาหกรรมเหล่านี้ ไม่ว่าออกมาตรการลดพฤติกรรมการผูกขาดตลาด และลดฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำไรบริษัทเหล่านี้ลดลง และนำไปสู่การลดการรับพนักงานใหม่ในที่สุด

ตัวอย่างบริษัทจีนที่ลดพนักงานลง เช่น SAIC Motor ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีน ซึ่งเป็นค่ายรถไฟฟ้ารายใหญ่ในจีนที่มีกิจการร่วมค้ากับค่ายรถ Volkswagen และ General Motors ได้ทำการปลดพนักงานไปประมาณ 9,000 คน ระหว่างปี 2562-2566 ส่วน Dongfeng Motor ผู้ผลิตรถ EV จีน ได้ปลดพนักงานไปประมาณ 2,600 คน

นอกจากนักศึกษาจีนหางานยากขึ้นแล้ว อีกแนวโน้มหนึ่งคือ พวกเขามีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการทำงานใน “บริษัทเอกชน” มากขึ้น โดยตามข้อมูลของ Zhaopin มีเพียง 13% ของนักศึกษาที่กำลังหางานในภาคเอกชน ซึ่งลดลงจาก 25% ในปี 2563 เพราะในแวดวงบริษัทเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมอื่นๆ พนักงานจำนวนมากในวัย 30 ปี กำลังเผชิญผลกระทบจากการปรับโครงสร้างองค์กร ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้

ขณะเดียวกัน นักศึกษาที่กำลังหางานถึง 48% ต้องการทำงานในบริษัทหรือหน่วยงานที่ “รัฐบาลเป็นเจ้าของ” โดยสัดส่วนนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นอาชีพที่มั่นคง ทำให้นักศึกษาแห่กันไปสอบบรรจุรับราชการ โดยในปี 2567 มีผู้สมัครสอบบรรจุโดยเฉลี่ย 77 คน ต่อ 1 อัตรา

ที่ผ่านมา การที่จำนวนบัณฑิตจบใหม่เพิ่มขึ้นในจีน ซึ่งมาจากนโยบายที่เน้นให้เยาวชนมีระดับการศึกษาที่สูงขึ้น ยิ่งซ้ำเติมปัญหาการหางานมากขึ้นไปอีก กระทรวงศึกษาธิการจีนรายงานว่า บัณฑิตจบใหม่ในช่วงฤดูร้อนปี 2567 มีจำนวนถึง 11.79 ล้านคน ซึ่งเป็น “สถิติสูงสุด” โดยเพิ่มขึ้น 210,000 คน จากปีที่แล้ว

อ้างอิง: nikkei

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์