‘เล่าท้องถิ่นให้โลกฟัง’ สร้างคอนเทนต์และแบรนด์ด้วยวัฒนธรรมพื้นบ้าน

จากอนิเมะญี่ปุ่นสู่ซีรีส์เกาหลี เคล็ดลับความสำเร็จในการใช้ทุนทางวัฒนธรรมและเรื่องเล่าพื้นบ้านมาสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก ร่วมค้นหาวิธีการนำสินทรัพย์เหล่านี้มาต่อยอดสู่การสร้างมูลค่าทางธุรกิจ

การเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างและเสริมพลังทางวัฒนธรรม นำไปสู่การบริโภคและความนิยมทั่วโลก ตัวอย่างที่ดีคือ "ญี่ปุ่น" ที่ใช้อนิเมะและมังงะเล่าเรื่องผ่านรากฐานวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น "Naruto" นำเสนอวิถีชีวิตนินจา ผสมผสานองค์ประกอบทางศาสนา จิตวิญญาณ หรือแม้แต่ตำนานเทพเจ้าจิ้งจอก 

ส่วน "One Piece" สะท้อนประวัติศาสตร์การเดินเรือและชีวิตชาวญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับทะเล ผ่านการผจญภัยของโจรสลัด ควบคู่กับการนำเสนออาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม เช่น เบนโตะ ซึ่งในเรื่องมักมีฉากที่ตัวละครแสดงขั้นตอนการทำเบนโตะที่พิถีพิถัน ช่วยให้อนิเมะเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการสื่อสารถึงสินทรัพย์ท้องถิ่น ด้วยเทคนิคการผสมผสานให้เข้ากับเรื่องราวที่เป็นสากล การสร้างตัวละครที่มีมิติและพัฒนาการที่น่าติดตาม ทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นควบคู่ไปพร้อมกับความบันเทิง

‘เล่าท้องถิ่นให้โลกฟัง’ สร้างคอนเทนต์และแบรนด์ด้วยวัฒนธรรมพื้นบ้าน

นอกจากความโดดเด่นด้านคอนเทนต์ ญี่ปุ่นยังมีความเป็นเลิศในการผลิตสินค้าที่พัฒนาจากสินทรัพย์และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น แบรนด์ “Yojiya” ก่อตั้งขึ้นในปี 1904 เริ่มต้นจากการขายเครื่องสำอางด้วยรถเข็นในเมืองเกียวโต ผลิตภัณฑ์เอกลักษณ์ของแบรนด์คือ กระดาษซับมันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ผลิตด้วยเทคนิคดั้งเดิมที่เหมือนกับการทำทองคำแผ่น 

‘เล่าท้องถิ่นให้โลกฟัง’ สร้างคอนเทนต์และแบรนด์ด้วยวัฒนธรรมพื้นบ้าน

อีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจ ได้แก่ “Toraya” ขนมหวานดั้งเดิมที่มีประวัติย้อนไปถึงช่วงปี 1600 มีชื่อเสียงด้านขนมโยคังที่ทำจากถั่วแดง Toraya เน้นการเล่าเรื่องผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนาน รักษาคุณภาพและความดั้งเดิม แต่นำเสนอขนมอยู่ภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามสะท้อนวัฒนธรรมความประณีตแบบญี่ปุ่น ทั้งสองแบรนด์จึงยังคงได้รับความนิยมผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน 

‘เล่าท้องถิ่นให้โลกฟัง’ สร้างคอนเทนต์และแบรนด์ด้วยวัฒนธรรมพื้นบ้าน

ส่วนทางฝั่งเกาหลี "Squid Game" เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการใช้สินทรัพย์ท้องถิ่นในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและดึงดูดผู้ชมทั่วโลก แม้จะมีทุนสร้างสูงถึง 21.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ "Squid Game" สามารถสร้างมูลค่าผลกระทบให้กับ Netflix มากกว่า 891 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซีรีส์นี้ได้นำเกมพื้นบ้านของเกาหลีมาดัดแปลงเป็นเนื้อเรื่องหลักที่เข้มข้นและน่าติดตาม

เกมที่ใช้ในเรื่องนี้ เช่น ตักจีชีกี (Ttakjichigi) และขนมทัลโกนา (Dalgona Candy) เป็นเกมและขนมที่คนเกาหลีคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ทั้งสองเกมนี้ถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ความเป็นความตายในซีรีส์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและซึมซับกับวัฒนธรรมท้องถิ่นเกาหลีไปอย่างไม่รู้ตัว 

‘เล่าท้องถิ่นให้โลกฟัง’ สร้างคอนเทนต์และแบรนด์ด้วยวัฒนธรรมพื้นบ้าน

นอกจากนี้ ในแง่แฟชั่นของตัวละครหลักในเรื่องยังส่งผลให้รองเท้า VANS รุ่น Slip-On มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 7,800% แสดงถึงความสำเร็จในการใช้สินทรัพย์ท้องถิ่นดึงดูดความสนใจจากผู้ชมทั่วโลก 

อีกหนึ่งตัวอย่างคือ "Revenant" ซีรีส์แนวสยองขวัญที่ผสมผสานเรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีและตำนานพื้นบ้านเกาหลี โดยอ้างอิงถึงประเพณีและความเชื่อทางศาสนาพุทธและชามานิซึม (Shamanism) "Revenant" นำพาผู้ชมสัมผัสถึงพิธีกรรมการไล่ผีและการบูชาผีบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่มีอยู่ในวัฒนธรรมเกาหลีมาอย่างยาวนาน ซีรีส์นี้สามารถถ่ายทอดความลึกลับและความน่ากลัวผ่านเรื่องราวและบรรยากาศที่เข้มข้น โดยใช้ภูมิหลังทางวัฒนธรรมท้องถิ่นมาเสริมสร้างความสมจริงและความน่าสนใจให้กับเนื้อเรื่อง

ความสำเร็จอันโดดเด่นของซีรีส์เกาหลีในเวทีโลกไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการผสมผสานกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดหลายประการ การนำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นในบริบทที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นเป็นหัวใจสำคัญ โดยผู้สร้างได้หลอมรวมองค์ประกอบทางวัฒนธรรมเข้ากับเรื่องราวที่มีความเป็นสากล ทำให้ผู้ชมทั่วโลกสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ง่าย 

นอกจากนี้ การสร้างภาพที่จดจำง่ายและมีเอกลักษณ์ เช่น ชุดสีสันสดใสในเกม Squid Game ได้กลายเป็นไอคอนทางวัฒนธรรมที่แพร่กระจายไปทั่วโลก

ท้ายที่สุด การใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยในการนำเสนอวัฒนธรรมดั้งเดิม ช่วยให้เรื่องราวและภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมเกาหลีดูน่าสนใจและร่วมสมัยมากขึ้น ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ซีรีส์เกาหลีจึงไม่เพียงแต่สร้างความบันเทิง แต่ยังกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในการเผยแพร่วัฒนธรรมและสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ในระดับสากลด้วย