นายกฯ ฮังการีพบ‘สี จิ้นผิง’ ภารกิจสันติภาพ 3.0
นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บานของฮังการี พบประธานาธิบดีสี จิ้นผิงที่กรุงปักกิ่ง ใน “ภารกิจสันติภาพ 3.0” หลังเดินทางเยือนมอสโกและเคียฟเมื่อเร็วๆ นี้
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน การเยือนที่ไม่ประกาศให้ทราบล่วงหน้าของนายกฯ ฮังการี เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนการประชุมผู้นำเนื่องในวาระครบรอบ 75 ปีองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ณกรุงวอชิงตัน ที่คาดว่าจะหารือกันเรื่องความเสื่อมถอยในยูเครน
ออร์บาน ผู้นำสหภาพยุโรปที่เป็นมิตรกับรัฐบาลมอสโกมากที่สุด เพิ่งหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) ทริปนี้ถูกวิจารณ์ทั้งจากยูเครนและอียูว่า บั่นทอนจุดยืนว่าด้วยสงครามในยูเครนของอียู
ปูตินกล่าวกับออร์บานว่า ถ้ายูเครนต้องการสันติภาพก็ต้องถอนทหารออกไปจากพื้นที่ที่มอสโกผนวกเข้ามา
ทั้งนี้ ฮังการีเป็นประธานอียูหมุนเวียนเมื่อต้นเดือน ก.ค. โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานนโยบายต่างประเทศอียู กล่าวว่า การเดินทางไปรัสเซียของออร์บานเป็นเรื่องระหว่างสองประเทศล้วนๆ
“เขาไม่ได้รับอาณัติใดๆ จากสภาอียูให้ไปเยือนมอสโก” บอร์เรลล์ย้ำ
ความสนิทสนมที่ออร์บานมีให้กับสีและทำเนียบเครมลิน เห็นได้จากเขาไม่ส่งอาวุธให้กับรัฐบาลเคียฟเหมือนเพื่อนผู้นำอียูคนอื่นๆ
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกแถลงการณ์สั้นๆ มาก่อนหน้านั้นว่า ผู้นำฮังการีจะพบกับประธานาธิบดีสีเพื่อ “สื่อสารเชิงลึกในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน”
ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซีย ความเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของสองประเทศใกล้ชิดกันมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดการรุกรานยูเครน
ปักกิ่งวางสถานะเป็นกลางในสงครามครั้งนี้ กล่าวว่าจะไม่ส่งความช่วยเหลือร้ายแรงถึงแก่ชีวิตให้กับทั้งสองฝ่าย ไม่เหมือนกับสหรัฐและชาติตะวันตก
อย่างไรก็ตาม จีนได้ช่วยชีวิตเศรษฐกิจรัสเซียที่ถูกโดดเดี่ยว การค้าระหว่างสองประเทศเติบโตรวดเร็วมากนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้ง
- การลงทุนครั้งใหญ่
สีไปเยือนฮังการีเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา แวะที่สุดท้ายหลังจากไปฝรั่งเศสและเซอร์เบีย
เมื่อได้พบปะพูดคุยกับออร์บาน สีกล่าวว่า รัฐบาลปักกิ่ง “ให้ความสำคัญอย่างมาก” กับความสัมพันธ์ต่ออียู
ฮังการีนั้นแม้เป็นประเทศเล็กในยุโรปกลาง ประชากร 9.6 ล้านคน แต่ระยะหลังดึงดูดโครงการขนาดใหญ่จากจีนได้มหาศาล ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องการแบตเตอรีและการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี)
รัฐบาลฮังการีโวว่า ได้โครงการลงทุนจากจีนมูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านยูโร ซึ่งออร์บานเชิดชูนโยบายต่างประเทศ “เปิดกว้างสู่ตะวันออก” นับตั้งแต่กลับมามีอำนาจอีกครั้งในปี 2553 ด้วยการพยายามกระชับสัมพันธ์จีน รัสเซีย และประเทศเอเชียอื่นๆ
เดือน ต.ค.2566 นายกฯ ฮังการีรายนี้เป็นผู้นำอียูเพียงรายเดียวที่เข้าร่วมประชุมผู้นำโครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทางของสีในกรุงปักกิ่ง