ศิลปะการเล่าเรื่อง Local Storytelling เพิ่มมูลค่า ยกระดับสินทรัพย์ท้องถิ่น

หลายประเทศมีการนำสินทรัพย์ท้องถิ่นไปต่อยอดได้อย่างน่าสนใจ ผ่านเทคนิคการเล่าเรื่อง (Local Storytelling) ตำนานท้องถิ่นในเม็กซิโกช่วยโปรโมทเตกีลาไปทั่วโลก แล้วประเทศไทยจะต่อยอดและบริหารจัดการได้อย่างไรบ้าง

ประเทศไทยมีสินทรัพย์ท้องถิ่น (Local Assets) หลากหลายที่สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้า บริการ หรือคอนเทนต์ เพื่อสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในระดับโลก การแปลงสินทรัพย์เหล่านั้นให้เป็นสินทรัพย์สร้างสรรค์ (Creative Assets) ผ่านเทคนิคการเล่าเรื่อง (Local Storytelling) ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยสื่อถึงอัตลักษณ์และความน่าสนใจของแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีชีวิตชีวา

ตัวอย่างจากออสเตรเลียถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ประเทศนี้ใช้ประโยชน์จากเรื่องเล่าของ "ชนเผ่าอะบอริจิน" เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ทัวร์ท่องเที่ยวที่นำเสนอวิถีชีวิตและประเพณีของชาวอะบอริจินไม่เพียงแต่นำรายได้มาสู่ชุมชนท้องถิ่น แต่ยังช่วยส่งเสริมความเข้าใจและการยอมรับในวัฒนธรรมอะบอริจินในระดับนานาชาติ สถานที่หนึ่งคือ Tjapukai Aboriginal Cultural Park ที่ตั้งอยู่ในเมืองแคนส์ ที่นำเสนอการแสดงและกิจกรรมทางวัฒนธรรมของชนเผ่าอะบอริจิน ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

เช่นเดียวกับ นิวซีแลนด์ที่ใช้เรื่องเล่าของ "ชนเผ่าเมารี" พัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแสดงทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชนเผ่าเมารีดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมาก เช่น Tamaki Maori Village ในเมืองโรโตรัว ที่นำเสนอวัฒนธรรมเมารีผ่านศิลปะและการเล่าเรื่อง

นอกจากนี้ ยังใช้ภาพลักษณ์ของชนเผ่าเมารีโปรโมทสินค้าเกษตร เช่น น้ำผึ้งมานูก้า ชาวเมารีมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับน้ำผึ้งชนิดนี้ โดยเรียกมันว่า Taonga หรือ สมบัติ ด้วยเห็นถึงคุณประโยชน์มากมาย ทั้งในมุมที่เป็นอาหารและยาแผนโบราณ

การนำเสนอเรื่องราวท้องถิ่นผ่านสื่อบันเทิงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ อินเดียใช้ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์เล่าเรื่องราวของภูมิภาคและประวัติศาสตร์ ทำให้ผู้ชมทั่วโลกรู้จักวัฒนธรรมอินเดียมากขึ้น ภาพยนตร์ Baahubali เป็นตัวอย่างที่ดีในการนำเสนอเรื่องราวของราชวงศ์และตำนานท้องถิ่นสู่สากล

ศิลปะการเล่าเรื่อง Local Storytelling เพิ่มมูลค่า ยกระดับสินทรัพย์ท้องถิ่น

หรือในเม็กซิโกใช้วิถีชีวิตท้องถิ่นโปรโมทอาหารและการท่องเที่ยว เช่น เมืองกวาดาลาฮารา (Guadalajara) ที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งเพลงมาริอาชีและเตกีล่า จัดเทศกาลเพลงมาริอาชีประจำปีดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก พร้อมส่งออกเตกีล่าและอาหารเม็กซิกันให้ได้รับความนิยมระดับโลก

ข้อมูลสถิติจากรายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization: UNWTO) ระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เน้นการเล่าเรื่องและการนำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-5% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และต้องการสัมผัสถึงประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและเรื่องเล่าท้องถิ่น

นอกจากนี้ รายงานของ World Bank เพิ่มเติมว่า การลงทุนในสินทรัพย์ท้องถิ่นและวัฒนธรรมสามารถเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นได้มากถึง 15-20% ต่อปี

อย่างไรก็ดี การใช้เรื่องเล่าท้องถิ่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตัวอย่างเช่น ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เรื่องเล่าของชนเผ่าพื้นเมืองช่วยสร้างรายได้และส่งเสริมวัฒนธรรม แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความถูกต้องและความเคารพต่อวัฒนธรรมพื้นเมือง ส่วนในอินเดียและเม็กซิโก การใช้สื่อบันเทิงและการโปรโมทวิถีชีวิตท้องถิ่นช่วยเพิ่มความน่าสนใจและการเข้าถึง แต่ก็ต้องพิจารณาถึงความยั่งยืนและผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่นด้วย

ในขณะที่ "การจัดเก็บและบริหารจัดการสินทรัพย์ท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ" ยังเป็นอีกประเด็นที่มีความสำคัญมากในเรื่องนี้ เนื่องจากสินทรัพย์บางส่วนมีโอกาสสูญหายหรือถูกทำลายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อม

เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA ได้วางแผนงานเพื่อส่งเสริมและใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ท้องถิ่น โดย CEA มีแผนที่จะสำรวจ รวบรวม และจัดระเบียบรายการสินทรัพย์ท้องถิ่น เพื่อให้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับชุมชนและผู้ใช้บริการออนไลน์ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "Local Stories Lifecycle Model" ประกอบด้วย 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การวางแผนและการวิจัย การมีส่วนร่วมของชุมชน การพัฒนาเรื่องเล่า การดูแลรักษาข้อมูล การเผยแพร่และสร้างผลกระทบ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะช่วยให้การพัฒนาเรื่องเล่าท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีระบบและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ