‘เซาท์ออสเตรเลีย’ประสานวิสัยทัศน์ Ignite Thailand เชื่อมอาหาร-เกษตร
ไทยกับออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ทางการทูตมานานถึง 72 ปี และภายใต้กรอบอาเซียนทั้งสองฝ่ายถือว่ามียุทธศาสตร์ที่สอดประสานกันอย่างไม่น่าเชื่อ ฟรานเชส อดัมสัน ผู้ว่าการรัฐเซาท์ออสเตรเลีย เผยถึงโอกาสของความร่วมมือจากจุดแข็งของสองประเทศผ่านยุทธศาสตร์สำคัญ
ผู้ว่าการรัฐเซาท์ออสเตรเลียกล่าวถึงการมีภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่มั่่งคั่ง มั่นคง และสันติสุข มีอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ถือเป็นจุดยืนทางนโยบายของออสเตรเลีย เมื่อเร็วๆ นี้รัฐบาลแคนเบอร์ราออกยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2040 ทำให้รัฐเซาท์ออสเตรเลียต้องมองไทยในมิติเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ข้อมูลที่หลายคนอาจประหลาดใจคือ ไทยเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับห้าของเซาท์ออสเตรเลีย รองจากจีน สหรัฐ อินเดีย มาเลเซีย
"ในฐานะผู้ว่าการรัฐ ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศแค่ปีละสองครั้ง แต่ละครั้งเลือกไปประเทศที่สำคัญต่อรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ปีนี้ไปจีนมาแล้ว ตอนนี้อยู่ในประเทศไทยระหว่างการเดินทางไปสหราชอาณาจักร สิ่งที่ดิฉันให้ความสำคัญไม่ได้มาจากแค่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2040 แต่มาจากวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ด้วย เพราะมีผลประโยชน์ร่วมที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้" อดัมสันกล่าวถึงเหตุผลของการมาเยือนไทย
ในมุมมองของผู้ว่าการรัฐ ภาคส่วนที่เธอให้ความสำคัญคืออาหารและการเกษตร รัฐเซาท์ออสเตรเลียจัดหาสินค้าอาหารคุณภาพสูงป้อนตลาดไทยอยู่แล้ว จุดแข็งอีกส่วนหนึ่งคือเทคโนโลยีการเกษตร
"ในมุมของการเกษตร เราเชี่ยวชาญมากในการผลิตธัญพืช เรามีที่ดินมากมาย มีธุรกิจปลูกธัญพืช 4,500 ราย ที่ปลูกหลักๆ คือ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย เมล็ดถั่ว ผลิตธัญพืช 8 ล้านตัน กล่าวได้ว่าเราเป็นผู้ผลิตหลักในออสเตรเลีย และออสเตรเลียก็เป็นผู้ผลิตหลักของโลก" ผู้ว่าการฯ กล่าวและว่า ในฐานะที่ไทยผลิตป้อนตลาดภายในและส่งออกไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือผลิตภัณฑ์เบเกอรี จึงมีโอกาสอย่างมากที่จะดึงออสเตรเลียเข้ามาเป็นซัพพลายเออร์ธัญพืชคุณภาพสูงที่เชื่อถือได้
ทั้งนี้ การมีผลผลิตมากมายทั้งๆ ที่เซาท์ออสเตรเลียเป็นรัฐที่แห้งแล้งที่สุดในทวีปที่แห้งแล้งที่สุด นั่นหมายความว่าต้องมีวิธีใช้น้ำอย่างดีที่สุด เซาท์ออสเตรเลียใช้เทคนิคการเกษตรแม่นยำ เพิ่มผลผลิตต่อไร่ ผนวกกับมีหน่วยงานวิจัยที่เข้มแข็ง มีประวัติการวิจัยปรับเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์มายาวนาน การมาเยือนไทยรอบนี้อดัมสันได้คุยกับบริษัทเล็กๆ ของไทยหลายแห่งที่สนใจเทคโนโลยการเกษตรที่ประเทศออสเตรเลียและรัฐเซาท์ออสเตรเลียมีให้
อดัมสันย้ำว่า สิ่งที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายมาพบกันคือ วิสัยทัศน์ Ignite Thailand ที่ให้ความสำคัญกับอาหารและการเกษตร โดยเฉพาะเกษตรแม่นยำ ซึ่งเป็นเรื่องของการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ การใช้น้ำ ลดการใช้ปุ๋ย รวมถึงการทำเกษตรในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสีเขียว ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจก รัฐเซาท์ออสเตรเลียมีบริษัทหลายแห่งดำเนินงานด้านเกษตรแม่นยำมาหลายสิบปี ใช้เซนเซอร์ให้ข้อมูลแก่เกษตรกร ทำให้พวกเขาเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้มากที่สุด ลดการใช้ปุ๋ย และแจ้งให้ทราบถึงช่วงเวลาดีที่สุดในการเพราะปลูก จึงมีบริษัทที่จะร่วมงานกับภาคเกษตรของไทยได้ แต่จำเป็นต้องใช้กระบวนการปรับตัวในระยะยาว ดังนั้นเธอจึงต้องการมาเยือนไทยพื่อเรียนรู้ความต้องการของภาคเกษตรไทยให้มากขึ้น
“เมื่อดิฉันเดินทางไปต่างประเทศในฐานะผู้ว่าการรัฐ ซึ่งหนึ่งที่ดิฉันอยากทำมากคือไปฟังสิ่งที่พันธมิตรบอกเราว่าเขาต้องการอะไร เราแข็งแกร่งก็จริงแต่จำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของคุณด้วยว่าเราจะทำอะไรร่วมกันได้บ้าง”
- เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว
ขณะนี้รัฐเซาท์ออสเตรเลียเป็นผู้นำโลกในแง่สัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนมาผลิตไฟฟ้า โดยผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ได้มาก
เมื่อ 16 ปีก่อนไฟฟ้าในรัฐมาจากพลังงานหมุนเวียนเพียง 1% เท่านั้น ตอนนี้อยู่ที่ 74% รัฐบาลแคนเบอร์รามีเป้าหมาย 100% ภายในปี 2027 ออสเตรเลียเป็นประเทศหนึ่งที่ใช้โซลาร์รูฟท็อปมากที่สุดในโลก ซึ่งเซาท์ออสเตรเลียเป็นผู้นำด้านนี้เช่นกัน
นอกจากนี้เซาท์ออสเตรเลียยังมีโครงการไฮโดรเจนใหญ่มากๆ อีกหลายโครงการ รัฐบาลลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียใน electrolyzer (อุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้าเพื่อแยกน้ำออกเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน) ขนาด250 เมกะวัตต์ซึ่งเป็นปริมาณมหาศาล ขณะนี้เซาท์ออสเตรเลียมีอิเล็กโทรไลเซอร์ไฟฟ้า 1.5 เมกะวัตต์ผลิตก๊าซไฮโดรเจนเข้าสู่ท่อส่งก๊าซราว 10% ของท้องถิ่น
ดังนั้นการก้าวจาก 1.5 สู่ 250 เมกะวัตต์ถือเป็นการก้าวอย่างยิ่งใหญ่ การจะเป็นมหาอำนาจด้านนี้ต้องคุยกับพันธมิตรในประเทศไทยและที่อื่นๆ ด้วย
ผู้ว่าการรัฐยังเล่าถึงการออกกฎหมายหลยฉบับที่เกี่ยวข้องกับพลังงานไฮโดรเจนและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเซาท์ออสเตรเลียสามารถแบ่งปันประสบการณ์ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อมกับพันธมิตรได้
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย ที่ตอนนี้ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ตามหลังเพื่อนบ้านอาเซียน ผู้ว่าการรัฐเซาท์ออสเตรเลียกล่าวว่า ทราบดีถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
“แต่ดิฉันก็ตระหนักถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งของประเทศและเศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน และทราบดีว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหา ในเมื่อคุณเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับห้าของเรา เราก็ต้องเชื่อมั่นสูงมากในความสามารถที่คุณจะเติบโต เติบโตไปสู่อนาคตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นขณะที่รัฐบาลของคุณกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาบางประการที่อาจขัดขวางการเติบโตในอดีต” ผู้ว่าการรัฐเซาท์ออสเตรเลียกล่าว