ยุโรปเสียงแตกแก้ภาษี 'อีวีจีน' ฝ่าย 'เกรงใจ' มีมากกว่าครึ่ง

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานในวันนี้ (17 ก.ค.) ว่า คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป หรืออียู ต่างมีความเห็นที่แตกแยกกันไปคนละฝ่าย ในการพิจารณาแก้ปัญหาเรื่องการขึ้นภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) นำเข้าจากประเทศจีน หลังจากอียูมีมติขึ้นภาษีเพิ่มเติมในอัตราสูงสุด 37.6% ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ได้ตกลงที่จะเปิดการเจรจากับจีนเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป 
 

รอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า ผู้แทนของ 27 ประเทศสมาชิกมีความเห็นที่แบ่งแยกกันในประเด็นการเก็บภาษีรถอีวีจีนเพิ่มเติม ซึ่งแม้ว่าการประชุมจะมีการลงมติที่ไม่ได้มีผลผูกพัน แต่ก็มีความสำคัญในแง่การบ่งชี้มุมมองของประเทศสมาชิกอียูที่มีต่อจีน 

แหล่งข่าวระบุว่าในการโหวตของประเทศสมาชิกว่าจะสนับสนุนการเก็บภาษีจีนเพิ่มหรือไม่นั้น มี "12 เสียงที่สนับสนุน" ส่วนอีก "4 เสียงคัดค้าน" และที่เหลือ "11 เสียงของดออกเสียง" โดยผลการลงมติดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณาต่อไป

ในบรรดาเสียงโหวตที่สนับสนุนขึ้นภาษี ได้รวมถึงประเทศฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ในขณะที่ฝ่ายงดออกเสียง รวมถึงเยอรมนี ฟินแลนด์ และสวีเดน

ทั้งนี้ มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถอีวีจากจีนเพิ่มเติมเริ่มมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังเป็นมาตรการชั่วคราวเพราะอียูยังไม่ได้สรุปอย่างเป็นทางการในการสอบสวนเรื่องอีวีจีนแข่งขันไม่เป็นธรรม เนื่องจากต้องการเจรจากับทางฝ่ายจีนก่อน

หากชาติสมาชิกอียูเห็นชอบให้ขึ้นภาษีอีวีจีนแบบถาวรจะต้องมีการลงมติอย่างเป็นทางการ และต้องใช้เสียงสนับสนุนมากกว่า 15 เสียง จากทั้งหมด 27 เสียง หรือ 65% ขึ้นไป 

อย่างไรก็ตาม จากท่าทีของชาติสมาชิกอียูจากการโหวตอย่างไม่เป็นทางการล่าสุดนี้ ซึ่งมีการงดออกเสียงมากถึง 11 เสียง กำลังบ่งชี้ว่า แม้สมาชิกบางส่วนจะตระหนักดีถึงปัญหาและต้องการให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่ก็ตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการทำสงครามการค้ากับจีน โดยเฉพาะการตอบโต้ทางการค้าตามมาด้วย

ก่อนหน้านี้ บรรดาค่ายรถยนต์จากประเทศเยอรมนีซึ่งต้องพึ่งพายอดขายรถยนต์ในจีนมากถึง 1 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมด ได้เรียกร้องให้อียูยกเลิกแผนการขึ้นภาษีอีวีจีน เพราะไม่ได้มีแต่ค่ายรถยนต์จีน เช่น BYD, Geely และ SAIC เท่านั้นที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่ม แต่ยังรวมถึงบริษัทรถยนต์จากตะวันตกทุกประเทศที่เข้าไปผลิตในจีน เช่น BNW และ Tesla