ดอกผลของความสุดโต่ง กรณีศึกษาจากสหรัฐ | กันต์ เอี่ยมอินทรา
กลยุทธ์การทำลายศัตรูโดยการเพิ่มเติมระบายสีให้คู่แข่ง เพื่อได้มา/คงไว้ซึ่งอำนาจ ในที่สุดแล้วไม่เพียงแต่จะทำให้สังคมแตกแยกอย่างสุดโต่ง ยังอาจนำมาซึ่งความรุนแรง และนำไปสู่เหตุการณ์ลอบสังหารอดีตผู้นำในสหรัฐ
เหตุการณ์ช็อกโลกเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตและผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดนซุ่มยิงกลางที่ปราศรัยหาเสียง
ท่ามกลางอุณหภูมิทางการเมืองสหรัฐที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เตรียมรับกับการเลือกตั้งในปลายปีที่จะถึงนี้ ซึ่งทรัมป์ถือเป็นตัวแทนของพรรค Republican หรือพรรคอนุรักษนิยม ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแนวโน้วจะลงแข่งอีกรอบ จึงจะถือเป็นการชิงชัยนัดล้างตา
ในสหรัฐขณะนี้ที่สังคมมีความแตกแยกสูง และหนึ่งในกลยุทธ์ที่พรรค Democrat นำมาใช้โจมตีทรัมป์คือ การป้ายสีว่าทรัมป์นั้นจะเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย เป็นภัยต่อระบบการคานอำนาจ ทั้งจากกรณีที่ทรัมป์เคยส่งสัญญาณเชิงสนับสนุนให้มีการก่อความไม่สงบในช่วงการถ่ายอำนาจประธานาธิบดี การไม่ยอมรับต่อผลเลือกตั้งครั้งก่อน และล่าสุดการที่ผู้พิพากษาศาลสูงมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้คุ้มครองทรัมป์ในเรื่องของคดีไปจนกว่าจะสิ้นสุดการเลือกตั้ง
ระดับความรุนแรงและการโฆษณาชวนเชื่อ กึ่งสร้างความหวาดกลัวในทำนอง “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” เช่นนี้ ถูกวิเคราะห์ว่าอาจจะเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่ทำให้สังคมแตกแยก เกิดความสุดโต่งมากขึ้น จนกระทั่งนำมาซึ่งความรุนแรงในเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนี้
ขณะที่ฝั่งพรรค Democrat ที่นำโดยโจ ไบเดน ที่ก็ระส่ำระสายอยู่แต่เดิมในการรักษาฐานคะแนนเสียง เพราะไบเดนนั้นมีอาการพูดผิด พูดติดๆ ขัดๆ ให้เห็นชัดเจนหลายครั้งหลายคราต่อหน้าสื่อมวลชน จึงเป็นที่มาของข้อกังขาถึงวัยวุฒิและสมรรถภาพทางร่างกายและสมองในการบริหารประเทศในสมัยหน้า
พรรค Democrat มีคนหนุ่มกว่า สาวกว่า ที่มีความกล้า มีความสามารถมากมาย มีระดับสติปัญญา ประสบการณ์ที่ครบเครื่อง และที่สำคัญมีอุดมการณ์ไม่ได้บกพร่องน้อยไปกว่าไบเดนเลย แต่ทำไมพรรคจึงยังจะชูธงไบเดน ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนหลายครั้งหลายครา นี่คือคำถามที่ประชาชนอเมริกันโดยเฉพาะแฟนพันธุ์แท้พรรค Democrat ที่เคยมีอยู่ในใจ แต่ตอนนี้กลับพูดกันอย่างโจ่งแจ้งและเสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นทุกที
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า เพราะด้วยเหตุนี้เอง หนทางเดียวที่จะเอาชนะพรรค Republican ที่นำโดยทรัมป์ได้นั้น ก็คือกลยุทธ์ “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” พร้อมกับการเพิ่มเติมระบายสีให้คู่แข่งกลายเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากพูดอย่างตรงไปตรงมา การกระทำและเหตุการณ์หลายครั้งก็ดูมีมูล และส่งเสริมให้กลยุทธ์การระบายสีให้คู่แข่งนี้ดูไม่เกินจริงแต่อย่างใด
ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่าเรื่องของการเมืองสหรัฐ ซึ่งอยู่ไกลค่อนโลก เพื่อให้เราคนไทย และสังคมไทยเห็นถึงอันตรายของสังคมที่สุดโต่ง และกลยุทธ์การทำลายศัตรูโดยการเพิ่มเติมระบายสีให้คู่แข่ง เพื่อได้มา/คงไว้ซึ่งอำนาจ ที่ในที่สุดแล้วไม่เพียงแต่จะทำให้สังคมแตกแยกอย่างสุดโต่งแล้ว ยังอาจนำมาซึ่งความรุนแรง ซึ่งเป้าหมายและขนาดของความรุนแรงนั้นก็ยากที่จะคาดเดา
ระบอบการเมืองไม่ว่าจะระบอบใด ล้วนเกิดขึ้นและถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการฆ่าฟันและการใช้ความรุนแรงของคนในสังคม ความเห็นที่ต่างกันไม่ได้ทำให้คนเราเป็นศัตรูกัน หากมีพื้นที่ในการพูดคุยถกเถียงอย่างสันติ มีการใช้อำนาจ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม