ผิดไหม ที่ สว.มีสี? กรณีศึกษา สหรัฐ vs ไทย | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ผิดไหม ที่ สว.มีสี? กรณีศึกษา สหรัฐ vs ไทย | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ประเทศประชาธิปไตยเต็มใบร้อยทั้งร้อยจะยึดถือหลักการอำนาจสูงสุดนั้นมาจากประชาชน ดังนั้น สส. - สว. หากมาจากประชาชนเลือกตั้ง ก็จะมีอำนาจมาก เช่น สว.ของสหรัฐ ขณะที่สว.ของไทยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับมีอำนาจมาก

เรากำลังจะได้สมาชิกวุฒิสภาใหม่ในเร็วๆนี้ แต่ก็มีคำวิจารณ์มากมาย

ตั้งแต่เรื่องของหลักคิดที่มาของสว. กติกากระบวนการการสรรหา หรือแม้กระทั่งตัวบุคคล หลังจากที่ได้ว่าที่ สว.แล้ว ที่บางคนดูจะสนิทชิดเชื้อกับฝ่ายการเมืองเป็นพิเศษไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของ (คนร่าง) รัฐธรรมนูญ

ประเทศประชาธิปไตยเต็มใบร้อยทั้งร้อย จะยึดถือหลักการอำนาจสูงสุดนั้นมาจากประชาชน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นสส.หรือสว. หากที่มาของผู้แทนปวงชนเหล่านี้มีที่มาจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ก็จะมีอำนาจ เช่น สว.ของสหรัฐ ที่มีอำนาจมาก ขณะที่ สว.ที่ไม่ได้มาจากประชาชน คือไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านกระบวนการอะไรก็ตามที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนแล้ว ก็จะมีอำนาจที่จำกัด เช่น สว.ของอังกฤษ

ตรงกันข้ามกับสองประเทศใหญ่ สว.ของไทยเรานั้น ทั้งรอบนี้และรอบก่อน ถือได้ว่าไม่ได้มีที่มาจากประชาชนโดยตรง คือไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง พูดได้ว่ามีความยึดโยงกับประชาชนน้อยมาก แต่กลับมีอำนาจมาก ซึ่งน่าแปลกประหลาดใจและไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตยที่ถือว่าอำนาจที่มาจากประชาชนนั้นคือ อำนาจที่สูงสุดของรัฐ

ถูกต้องและแน่นอนที่การจะนำแนวคิดทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจมาปรับใช้กับประเทศใดประเทศหนึ่ง จำต้องดูสภาวะแวดล้อมของประเทศนั้นๆ มิใช่ยกมาทั้งดุ้นโดยไม่ปรับอะไรเลย แต่การปรับใช้ควรดึงข้อดีและลดข้อเสีย มิใช่ในทางตรงกันข้าม อาทิ สว.ของอังกฤษที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงมีหน้าที่เพียงเตือนสติหรือชะลอกฎหมายต่างๆ ที่เสนอโดยสส. แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ ไม่ต้องพูดถึงการถอดถอนผู้แทนที่มาจากประชาชน อันนี้ยิ่งทำไม่ได้เลย

สว.สหรัฐนั้นชัดเจนว่า สามารถแสดงจุดยืนทางการเมืองหรือเป็นตัวแทนของพรรคการเมืองได้ เรียกได้ว่าชัดเจน ตรงไปตรงมา หรือจะไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองก็ได้ แต่ทั้งหมดก็จะถูกคัดกรองและเลือกโดยประชาชน ทำให้สว.สหรัฐนั้นมีอำนาจมาก เพราะมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เป็นตัวแทนของมลรัฐ จึงมีอำนาจสูง สามารถถอดถอน คอนเฟิร์มแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือแม้กระทั่งประธานาธิบดีได้

เพราะแนวคิดหลักปรัชญาพื้นฐานแล้ว มนุษย์ทุกคนคือสัตว์สังคม/สัตว์การเมือง เราอยู่ร่วมกันในสังคม ดังนั้นการมีความเห็นด้วยหรือเห็นต่าง การมีฝักฝ่ายจึงล้วนเป็นเรื่องธรรมชาติ มิใช่เรื่องผิดปกติผิดธรรมชาติแต่อย่างใด ดังนั้นการมีสว.ที่มีแนวคิดเห็นด้วยกับแนวทางใดหนึ่ง หรือแม้กระทั่งการสนับสนุนพรรคการเมืองใดหนึ่งนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ

และการที่มีสว.ฝักใฝ่พรรคการเมือง ก็ใช่ว่าจะสามารถบังคับให้สว.ในพรรคนั้นๆ เห็นด้วยกับพรรค หรือผู้นำของพรรคนั้นๆ เสมอไป อาทิ กรณีของการลงสมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน ที่เพิ่งจะมีการดีเบตผ่านไป ซึ่งนำมาสู่การตั้งคำถามถึงความสามารถทั้งทางกายภาพ และสติปัญญาอันเนื่องมาจากอายุที่มาก สว.หลายคนในพรรคเดโมเครตก็แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการลงชิงชัยอีกสมัยของไบเดน

เพราะที่มาของ สว.นั้นมาจากการเลือกตั้ง (ที่บริสุทธิ์ยุติธรรม) ดังนั้นสว.จึงสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน สะท้อนความคิดความรู้สึก และเป็นปากเสียงดูแลผลประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่จำเป็นต้องพึ่งกำลังเงิน หรือคะแนนนิยมของพรรค (มากนัก) ในการเข้าสู่ตำแหน่ง