‘สหรัฐ’ ยุติภารกิจ 'ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม' ครั้งใหญ่ ในท่าเรือลอยน้ำนอกกาซา

‘สหรัฐ’ ยุติภารกิจ 'ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม' ครั้งใหญ่ ในท่าเรือลอยน้ำนอกกาซา

กองทัพสหรัฐประกาศเมื่อวันพุธ (17 ก.ค.) ว่า ภารกิจติดตั้งและปฏิบัติงานชั่วคราวในท่าเรือลอยน้ำนอกชายฝั่งกาซาเสร็จสิ้นแล้ว และถือเป็นการยุติภารกิจอย่างเป็นทางการ แต่กลับสร้างความท้าทายต่อ "ความพยายามส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม" ให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซา

ท่าเรือลอยน้ำนอกชายฝั่งกาซา ที่ประกาศใช้ทำภารกิจเมื่อเดือนมี.ค. เป็นความพยายามช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ของสหรัฐ เพราะนำกองกำลังทหารมากกว่า 1,000 นายไปปฏิบัติการ

ความช่วยเหลือเหล่านั้นจัดส่งผ่านท่าเรือดังกล่าวเข้าสู่กาซาในเดือน พ.ค. โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยป้องกันความอดอยาก หลังสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสดำเนินมานานหลายเดือน

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศย่ำแย่ และความท้าทายในการกระจายความช่วยเหลือภายในกาซา ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง และท่าเรือดังกล่าวสามารถใช้ปฏิบัติภารกิจได้เพียงราว 20 วัน

พลเรือเอก แบรด คูเปอร์ รองผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางสหรัฐประกาศว่า

“ภารกิจทางทะเลที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือดังกล่าวสิ้นสุดแล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะใช้ท่าเรือนั้นอีก”

คูเปอร์เผยว่า ความพยายามส่งมอบความช่วยเหลือในกาซาทางทะเล ได้เปลี่ยนไปส่งมอบให้ทางท่าเรืออัชดอด (port of Ashdod) ในอิสราเอล ซึ่งความช่วยเหลืออย่างน้อย 5 ล้านปอนด์ ทั้งในประเทศไซปรัสและบนเรือสินค้าต่าง ๆ จะจัดส่งไปยังอัชดอด ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

จากการประเมินของเรา ท่าเรือชั่วคราวได้บรรลุผลสำเร็จในการเพิ่มระดับความช่วยเหลือในกาซาได้สูงมาก และสร้างความมั่นใจว่าความช่วยเหลือจะเข้าถึงประชาชนในกาซาอย่างรวดเร็ว” คูเปอร์ กล่าว และว่า ความช่วยเหลือเกือบ 20 ล้านปอนด์จัดส่งไปยังกาซาแล้ว

ท่าเรือแห่งความอับอาย

ท่าเรือดังกล่าวกลายเป็นปมที่สร้างความเจ็บปวดมากในสภาคองเกรส เพราะพรรครีพับลิกันตราหน้าว่า ท่าเรือแห่งนี้เป็นความสามารถทางการเมืองของไบเดน ที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเพื่อนในพรรคเดโมแครต ให้ทำอะไรมากกว่านี้เพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ หลังจากหนุนอิสราเอลทำสงครามกับฮามาสมาหลายเดือน

"โรเจอร์ วิกเกอร์" สมาชิกพรรครีพับลิกันระดับสูงจากคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาสหรัฐ (Senate Armed Services Committee) กล่าวว่า

“ภารกิจนี้อาจจบลงแค่ภายในใจของไบเดน แต่ความอับอายระดับชาติจากโครงการนี้ไม่ได้หมดไป ปาฏิหาริย์เดียวที่เกิดขึ้นคือ ปฏิบัติการที่ล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นนี้ ไม่คร่าชีวิตชาวอเมริกัน”

ด้านคูเปอร์คาดว่า ท่าเรือลอยน้ำที่จะมีกำหนดใช้งานถึงสิ้นเดือน ก.ค. นี้ มีต้นทุนน้อยกว่าที่เพนตากอนคาดการณ์ไว้ราว 230 ล้านดอลลาร์ และกล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาสหรัฐส่งมอบความช่วยมากกว่า 1 ล้านปอนด์ผ่านท่าเรืออัชดอด และมั่นใจว่าจะมีการส่งมอบความช่วยเหลือมากขึ้นอีกในท่าเรือดังกล่าว

รอยเตอร์ระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ท่าเรือลอยน้ำต้องใช้เวลารื้อถอนหลายครั้ง เพราะสภาพอากาศที่รุนแรงในทะเล และท่าเรือนี้ไม่ได้ใช้งานแล้วตั้งแต่เดือนมิ.ย. หลังย้ายการปฏิบัติงานไปยังท่าเรืออัชดอดแทน แต่ยังไม่ชัดเจนว่ากองทัพสหรัฐเริ่มรื้อท่าเรือลอยน้ำก่อนเดินทางกลับสหรัฐหรือยัง

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า การส่งมอบความช่วยเหลือผ่านทางทะเลไม่สามารถชดเชยการเข้าขนส่งผ่านทางบกได้ และว่า ยังคงต้องให้ความสำคัญกับการส่งมอบความช่วยเหลือทางบก ซึ่งผู้สังเกตการณ์เกี่ยวกับความอดอยาก เผยเมื่อเดือนก่อนว่า ในกาซามีความเสี่ยงด้านความอดอยากสูงมาก

เจ้าหน้าที่ที่ส่งมอบความช่วยเหลือย้ำ จำเป็นต้องส่งซัพพลายพาณิชย์และซัพพลายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมราว 600 รถบรรทุกต่อวัน เพื่อรองรับความต้องการของประชากรในกาซา

 

อ้างอิง: Reuters