มองการลอบสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ จากเรื่องกรรมเก่าถึงสิทธิครอบครองปืน
การลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ นำไปสู่การมองจากมุมต่างๆ อย่างเข้มข้น และคงจะมีไปจนถึงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ที่จะถึงนี้
โดนัลด์ ทรัมป์มิใช่นักการเมืองอเมริกันชั้นแนวหน้าคนแรก และคงมิใช่คนสุดท้ายที่จะถูกลอบสังหารโดยชาวอเมริกันด้วยกันเอง ประวัติศาสตร์บ่งว่า ทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ลอบสังหารในแนวนี้ ก็จะมีการวิพากษ์วิจารณ์และการเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้มองหาปัจจัยเพื่อป้องกันมิให้มันเกิดขึ้นอีก แต่การลอบสังหารนายทรัมป์ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า พวกเขายังแก้ปัญหาไม่ได้
ความไม่สำเร็จของการลอบสังหาร นำไปสู่การมองทั้งในแนวพอเข้าใจได้และแนวเข้าใจยาก เนื่องจากผู้ยิงเป็นเด็กหนุ่มซึ่งมิใช่นักซุ่มยิงอาชีพอีกทั้งยังอยู่ไกลและใช้ปืนธรรมดา ประกอบกับนายทรัมป์เคลื่อนหัวไปมาในขณะพูดบนเวที โอกาสที่ลูกปืนจะเข้าเป้าจึงต่ำมาก
ในขณะเดียวกันก็มีผู้มองว่า นายทรัมป์เป็นคนมีบุญที่พระเจ้าส่งมาแก้ปัญหาให้สังคมอเมริกัน ฉะนั้น พระเจ้าย่อมคุ้มครองเขาจนกว่าจะถึงเป้าหมาย ผู้มองแบบนี้มีคนไทยซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐรวมอยู่ด้วย
ในด้านการเมืองซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวอเมริกันถกเถียงกันถึงขั้นแตกแยกรุนแรงอยู่ในขณะนี้ มีผู้มองว่า ฝ่ายนายทรัมป์จัดฉากขึ้นมาเพื่อแสวงหาคะแนนเสียงเพิ่มขึ้น พร้อมกันนั้นก็มีผู้มองว่าฝ่ายคู่แข่งหลักจากพรรคเดโมแครตอยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร เนื่องจากเริ่มแน่ใจว่าถ้าไม่ทำเช่นนั้นฝ่ายตนจะแพ้แน่นอน
ในยุคที่เทคโนโลยีกระจายข่าวสารอย่างกว้างขวางได้ภายในพริบตา ข้อเสนอไร้จรรยาในแนวนี้มีการนำมาเน้นย้ำซ้ำๆ จนอาจนำไปสู่ความแตกแยกร้ายแรงขึ้นกว่าเดิม แม้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจะพยายามทำให้การหาเสียงลดความเผ็ดร้อนลงก็ตาม
นอกจากนั้น มีการมองในทำนองว่ามันเป็นกรรมเก่าของชาวอเมริกัน ซึ่งจะอยู่ทำร้ายพวกเขาต่อไปตราบใดที่พวกเขายังมีประเทศ กรรมเก่าในที่นี้มีความหมายครอบคลุมหลายอย่าง เช่น บรรพบุรุษของชาวอเมริกันใช้ปืนและความโหดร้าย ในการก่อตั้งและขยายประเทศจากอาณานิคมประกอบด้วย 13 รัฐเป็น 50 รัฐในปัจจุบัน
พวกเขาใช้อาวุธร้ายทำลายชุมชนและชีวิตของชาวพื้นเมืองดั้งเดิม (อินเดียนแดง) เพื่อแย่งแผ่นดินและพื้นที่ทำกินของพวกเขามาเป็นของตน ทำสงครามกันเองเมื่อตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับการใช้ทาส และกับต่างชาติเพื่อขยายอำนาจพร้อมแย่งชิงแผ่นดินและทรัพยากรของเขา
“ปืน” เป็นเครื่องมือที่ชาวอเมริกันใช้ฆ่าควายป่าขนาดใหญ่ในใจกลางประเทศจนใกล้สูญพันธุ์ แม้จะมีจำนวนสูงถึงราว 60 ล้านตัวก่อนถูกล่าก็ตาม
การมี “ปืน” ไว้ในครอบครองและใช้ แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้แกร่งกล้า เป็นวัฒนธรรมที่ฝังอยู่ในสายเลือดของชาวอเมริกัน นอกจากนั้น สิทธิในการมีปืนไว้ในครอบครองจะต้องมีการยอมรับถึงกับมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (ตามข้อแก้ไขเพิ่มเติมที่ 2)
การพกปืนไว้และใช้ตัดสินข้อพิพาทต่างๆ สะท้อนออกมาอย่างต่อเนื่องในภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ของประเทศ ในสมัยที่มีการบุกเบิกและขยายประเทศข้ามทวีปอเมริกาเหนือ เรามักเรียนรู้เรื่องนี้จากภาพยนตร์แนวคาวบอย
ในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน เป็นที่คาดเดาได้ว่า ถ้าฝ่ายนายทรัมป์ชนะ กลุ่มผู้ผลิตและซื้อขายปืนจะพอใจมากกว่าฝ่ายนายโจ ไบเดนชนะ
ทั้งนี้เพราะนายทรัมป์เป็นตัวแทนของพรรคที่มีจุดยืนในด้านการให้อิสระมากขึ้นแก่ผู้ต้องการมีปืนไว้ในครอบครองและพกติดตัวไปในที่สาธารณะ ส่วนนายไบเดนเป็นตัวแทนของพรรคที่มีจุดยืนในด้านการลดอิสระที่จะครอบครองปืนบางชนิดและสถานที่ซึ่งพกปืนไปได้
อย่างไรตาม แม้ฝ่ายนายไบเดนจะชนะ แต่การลดอิสระการครอบครองและการพกปืนก็ยังลดลงยาก เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตและค้าขายปืนมีความแข็งแกร่งมากจากการเป็นกลุ่มใหญ่และมีเงินมาก
เป็นที่ทราบกันดีว่า กลุ่มธุรกิจที่มีทรัพย์สินมหาศาลรวมทั้งกลุ่มน้ำมันและกลุ่มการเงิน มีอิทธิพลเหนือนักการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ระบอบประชาธิปไตยในสหรัฐไม่เป็นไปในแนวอุดมการณ์มานานแล้ว