‘สหรัฐ’ อาจต้องเผชิญทางเลือกเกี่ยวกับ ‘อิหร่าน’ ในไม่ช้า

‘สหรัฐ’ อาจต้องเผชิญทางเลือกเกี่ยวกับ ‘อิหร่าน’ ในไม่ช้า

“อิสราเอล“ ดึง “สหรัฐ“ เข้ามาในเกมสงคราม ไม่ว่าสหรัฐ เต็มใจหรืออย่างไร อีกมุมหนึ่งก็เพื่อเผยความจริงภายใต้หน้ากาก “อิหร่าน“ กำลังขยายจักรวรรดินิยมเตหะราน ในตะวันออกกลาง

KEY

POINTS

Key Points

  • การโจมตีของผู้ก่อการร้ายเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวจากอิหร่านเพื่อขับไล่สหรัฐ ออกจากตะวันออกกลางและพันธมิตรอาหรับ รวมทั้งรุกต้อนอิสราเอลในฐานะพันธมิตรของสหรัฐให้จนมุม
  • ในเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจเผชิญการตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐนั่นคือ การจะทำสงครามกับอิหร่าน แล้วเลือกยืนเคียงข้างอิสราเอลหรือไม่
  • ในทางการเมือง อิหร่านไม่สามารถปิดบังเป้าหมายตนเอง เพียงหวังจะควบคุมโลกอาหรับไว้ทั้งหมด ด้วยการซ่อนความต้องการและกลุ่มกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังปาเลสไตน์ได้อีกต่อไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปกปิดการขยายจักรวรรดินิยมของเตหะรานในตะวันออกกลาง

โทมัส แอล.ไฟด์แมน ได้เขียนบททรรศนะเผยแพร่ทางเว็บไซต์นิวยอร์กไทม์ว่า กฎเหล็กข้อหนึ่งของผมในการรายงานข่าวในตะวันออกกลางคือ ต้องรายงานเรื่องราวใหม่ เพื่อให้เห็นสิ่งต่างๆชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าที่ทำมา ซึ่งตอนนี้ผมกำลังมีประสบการณ์ทำข่าวสงครามอิหร่าน - อิสราเอล - ฮามาส และนั่นอาจรวมถึง “สหรัฐ” ในไม่ช้า

แม้ฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2567 เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด แต่เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการขยายดินแดนของอิสราเอลอย่างไม่ระมัดระวัง การปฎิบัติต่อนักโทษชาวปาเลสไตล์อย่างโหดร้าย และการบุกรุกสถานที่ทางศาสนาของชาวมุสลิมในกรุงเยรูซาเลม

หากจับทิศทางจะรู้ว่า การโจมตีของผู้ก่อการร้ายเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวจากอิหร่านเพื่อขับไล่สหรัฐ ออกจากตะวันออกกลางและพันธมิตรอาหรับ รวมทั้งรุกต้อนอิสราเอลในฐานะพันธมิตรของสหรัฐให้จนมุม

นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมความขัดแย้งในปัจจุบันระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมถึงตัวแทนของอิหร่าน (ฮามาส อิซบอลเลาะห์ และฮูติ) สามารถบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบได้ เพราะอิสราเอลไม่สามารถสู้รบได้ตามลำพังเป็นระยะเวลานานมากนัก

ในเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจเผชิญการตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐนั่นคือ การจะทำสงครามกับอิหร่าน แล้วเลือกยืนเคียงข้างอิสราเอลหรือไม่

ทั้งนี้ การล้มล้างโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน ซึ่งเป็นเสาหลักการสร้างเครือข่ายเชิงกลยุทธ์ของอิหร่านในภูมิภาค หวังเป็นเส้นทางให้อิหร่านเข้ามามีบทบาทแทนที่สหรัฐ ในฐานะกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในตะวันออกกลาง

ขณะที่ทุกวันนี้สหรัฐต้องระวังตัวอยู่เสมอว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกำลังคิดทำอะไรอยู่

อโลน พิงคัส ผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์ความขัดแย้งได้สังเกตการณ์เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่า เหตุใดเนทันยาฮูเลือกจะลอบสังหารอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำการเมืองของฮามาส ที่บ้านพักในกรุงเตหะราน ขณะที่การเจรจาที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันจะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้

“เพียงเพราะรู้ว่าจัดการกับฮานิเยห์ได้ หรืออิสราเอลจงใจยั่วยุให้ลุกลาม ด้วยความหวังว่าการจุดไฟความขัดแย้งอิหร่าน จะลากสหรัฐเข้าสู่สงคราม ทำให้นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู ออกห่างจากเหตุโจมตีปาเลสไตน์จนแทบล่มสลาย ซึ่งเขายังเคยไม่รับผิดชอบใดๆกับเรื่องนี้

เนทันยาฮูอยู่ในอำนาจนานเกือบ 17 ปี มีทั้งช่วยเหลือและบ่อนทำลายผลประโยชน์สหรัฐในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อแม้แต่วินาทีเดียวว่า เนทันยาฮูจะเอื้อประโยชน์สหรัฐ ก่อนความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง เพราะเขาเองก็ไม่ถือประโยชน์อิสราเอลมาก่อนสิ่งอื่นใดด้วยซ้ำไป

หนึ่งในความเป็นจริงนั่นคือ ประธานาธิบดีไบเดน รัฐมนตรีต่างประเทศแอนโทนี บลิงเคน และเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งสหรัฐ ได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรอย่างเงียบๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หวังควบคุมจีน และโดดเดียวอิหร่าน

แผนของสหรัฐคือ การให้น้ำหนักทางการทหารแก่พันธมิตร ด้วยการจัดตั้งสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันระหว่างสหรัฐ ซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอล ซึ่งอิหร่านและฮามาสรู้ดีว่าต้องป้องกันตนเองจากความร่วมมือดังกล่าว เพราะจะทำให้อิสราเอลสามารถบูรณาการเข้ากับโลกมุสลิมได้

สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2567 ไม่ว่าอิหร่านจะรู้ล่วงหน้าหรือไม่ก็ตาม อิหร่านมองว่าการรุกรานของฮามาส เป็นหนทางแยกอิสราเอลกับสหรัฐ ด้วยการขุดหลุมพรางให้อิสราเอลสร้างความเสียหายให้กับประชาชนหลายพันคน เพียงเพราะอยากเอาชนะขบวนการของฮามาสใต้ดิน และบ่อนทำลายการฟื้นฟูซาอุดิอาระเบีย ปาเลสไตน์ และอิสราเอล

แล้วเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เมื่อเดือนที่ผ่านมา อิสราเอลได้ลอบสังหารฟูอัด ซูกร์ ผู้บัญชาการอาวุโสของอิซบอลเลาะห์ในเบรุต มูฮัมหมัด เดอิฟ ผู้บัญชาการทหารของฮามาสในฉนวนกาซา และฮานิเยห์ ผู้นำทางการเมืองของฮามาส

‘สหรัฐ’ อาจต้องเผชิญทางเลือกเกี่ยวกับ ‘อิหร่าน’ ในไม่ช้า

ดังนั้นวิธีเดียวที่จะกีดกันกลุ่มฮามาสทางการเมือง และแยกอิหร่านออกจากตะวันออกกลางคือ ปาเลสไตน์ต้องยอมรับสนธิสัญญาออสโลและร่วมมือกับอิสราเอลทุกวัน แต่ทั้งนี้ก็จะเป็นความพยายามปิดบังความรุนแรงในเวสต์แบงก์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เนทันยาฮูรู้ดีแต่ไม่ยอมรับ เพราะเขาต้องการสร้างความชอบธรรมให้กับทางเลือกอื่นๆ เพื่อที่เขาจะได้บอกโลกว่า อิสราเอลไม่มีพันธมิตรที่จะแก้ปัญหาสองรัฐ

การเลือกเดินเกมหมากรุกเพียงครั้งเดียว ด้วยการยอมรับอำนาจของปาเลสไตน์ เนทันยาฮูสามารถผนึกกำลังพันธมิตรสหรัฐ อิสราเอลและอาหรับ วางโครงสร้างการปกครองปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาที่จะไม่คุกคามอิสราเอล และยังเป็นการดึงปาเลสไตน์ออกจากอ้อมกอดอิหร่าน

เพราะหากตอนนี้เนทันยาฮูเคลื่อนไหวอย่างถูกต้อง ซึ่งในทางการเมือง อิหร่านไม่สามารถปิดบังเป้าหมายตนเอง เพียงหวังจะควบคุมโลกอาหรับไว้ทั้งหมด ด้วยการซ่อนความต้องการและกลุ่มกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังปาเลสไตน์ได้อีกต่อไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปกปิดการขยายจักรวรรดินิยมของเตหะรานในตะวันออกกลาง

อ้างอิง : TheNewYorkTimes