'ส่งออกจีน' โตต่ำผิดคาด แต่ 'นำเข้า' เริ่มมีสัญญาณชีพฟื้นแล้ว
ตัวเลขส่งออกของจีนเดือนก.ค. โตต่ำกว่าคาด สวนทางการนำเข้าที่พุ่งทะยาน 8.6% หลังตัวเลขเดือนก่อนหน้าเพิ่งเกินดุลสูงสุดในรอบ 34 ปีจนทั่วโลกวิตกการค้าไม่สมดุล
ซีเอ็นบีซี รายงานอ้างการเปิดเผยของกรมศุลกากรจีนในวันนี้ (7 ส.ค.67) ว่า ตัวเลขการส่งออกของจีนในเดือนก.ค. ขยายตัวได้เพียง 7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์สคาดการณ์ไว้ที่ 9.7% และยังลดลงจากเดือนมิ.ย. ที่โตถึง 8.6% หรือสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี
ในทางกลับกัน "การนำเข้าของจีน" เริ่มมีสัญญาณชีพฟื้นกลับขึ้นมาแทน โดยขยายตัวถึง 7.2% หรือโตมากกว่าสองเท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ 3.5% และพลิกหน้ามือเป็นหลังมือจากเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ตัวเลขนำเข้าลดลง 2.3%
รายงานระบุว่า จีนนำเข้าจาก "สหรัฐ" เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 24% และส่งออกไป 8%
ส่วนกลุ่มประเทศ "อาเซียน" ซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของจีนในปัจจุบัน จีนนำเข้าจากอาเซียนเพิ่มขึ้น 11% และส่งออกเพิ่มขึ้น 12% ในขณะที่สหภาพยุโรป (อียู) จีนนำเข้าเพิ่มขึ้น 7% และส่งออกเพิ่มขึ้น 8%
แต่หากเทียบเป็นช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ จีนยังคงนำเข้าจากสหรัฐลดลงอยู่ 1.4% และส่งออกไปสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4%
ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดรัสเซียนั้นปรับตัวลง 3% และนำเข้าเพิ่มเป็น 5%
ทั้งนี้เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จีนรายงานตัวเลขการค้าเกินดุลสูงที่สุดในรอบประมาณ 34 ปี เนื่องจากการส่งออกที่ขยายตัวเกินคาด สวนทางการนำเข้าที่ลดลงผิดจากคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ โดยการเกินดุลเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลต่อ "ความไม่สมดุลทางการค้า" ของเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก โดยเฉพาะการบริโภคในจีนที่ยังคงอ่อนแรงลงมากจากผลกระทบวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ทางการจีนเองยังไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยยังคงย้ำว่าจะใช้มาตรการที่มีอยู่เดิม และขอเน้นเป้าหมายระยะยาวที่การพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนใหม่ทางเศรษฐกิจมากกว่า
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์