โพลล่าสุดชี้ ‘แฮร์ริส’ คะแนนนำ ‘ทรัมป์’ ในรัฐสวิงสเตต 50% ต่อ 46%

โพลล่าสุดชี้ ‘แฮร์ริส’ คะแนนนำ ‘ทรัมป์’ ในรัฐสวิงสเตต 50% ต่อ 46%

โพสล่าสุดชี้ “คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีสหรัฐ มีคะแนนนำ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ในรัฐสวิงสเตต 50% ต่อ 46%

คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีสหรัฐ มีคะแนนความนิยมนำ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ในรัฐสวิงสเตต หรือรัฐที่ทั้งสองพรรคใหญ่มีคะแนนสูสี ซึ่งได้แก่ รัฐมิชิแกน, รัฐวิสคอนซิน และรัฐเพนซิลเวเนีย

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี อ้างอิงผลสำรวจของ New York Times/Siena College รายงานเมื่อวันเสาร์ (10 ส.ค.) ว่า แฮร์ริสมีคะแนนความนิยมนำทรัมป์อยู่ที่ 50% ต่อ 46% จากกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่มีแนวโน้มลงคะแนนเสียงจริง (likely voters) ในสามรัฐดังกล่าว และคะแนนนำนั้นอยู่ในขอบเขตของความคลาดเคลื่อน (margins of error)

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูผลลัพธ์แยกในแต่ละรัฐ พบว่า แฮร์ริส ยังคงมีคะแนนนำจากกลุ่ม registered voter ในรัฐวิสคอนซินอยู่ 4% ขณะที่รัฐเพนซิลเวเนียมีคะแนนนำ 3% แต่รัฐมิชิแกน ทรัมป์มีคะแนนนำ 3%

อนึ่ง ผู้มีสิทธิลงคะแนนที่มีแนวโน้มออกมาใช้สิทธิจริงนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ลงทะเบียน (registered voter) ที่หน่วยงานสำรวจ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันจันทร์ (5 ส.ค.) จนถึงวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) โพลดังกล่าวได้สำรวจผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่ลงทะเบียน 619 คน ในรัฐมิชิแกน และ 661 คนในรัฐวิสคอนซิน ขณะที่การสำรวจผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่ลงทะเบียน 693 คนในรัฐเพนซิลเวเนีย มีขึ้นเมื่อวันอังคาร (6 ส.ค.) ถึงวันศุกร์ (9 ส.ค.)

โพลของ Times/Siena ถือเป็นข้อมูลล่าสุดที่ติดตามคะแนนความนิยมระหว่างสองพรรคใหญ่ หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งสหรัฐ และสนับสนุนแฮร์ริสเป็นตัวแทนชิงเก้าอี้ปธน.ต่อไป

อย่างไรก็ตาม โพลดังกล่าวยังคงแสดงให้เห็นว่า แคนดิเดตประธานาธิบดีสหรัฐจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันมีคะแนนสูสีกันอยู่ และมีความชัดเจนว่าแฮร์ริสได้เปลี่ยนแปลงคะแนนความนิยมของเดโมแครตในรัฐสวิงสเตต เมื่อเทียบกับผลสำรวจก่อนหน้านี้

ในเดือน พ.ค. โพล Times/Siena พบว่า ไบเดนมีคะแนนความนิยมพอ ๆ กับทรัมป์ในรัฐวิสคอนซิน แต่มีคะแนนความนิยมน้อยกว่าทรัมป์ในรัฐมิชิแกน และรัฐเพนซิลเวเนีย

แต่ในการหาเสียงเมื่อวันเสาร์ (10 ส.ค.) ทีมหาเสียงของทรัมป์บอกว่า โพล Times/Siena แสดงผลการสนับสนุนทรัมป์จากบรรดาผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้ง registered voters และ likely voters น้อยเกินไปมาก

นอกจากนี้ โพลดังกล่าวพบด้วยว่า “ทิม วอลซ์” ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ที่แฮร์ริสเลือกมาเป็นแคนดิเดตรองประธานาธิบดีเมื่อวันอังคาร (6 ส.ค.) มีคะแนนความนิยมจากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่ลงทะเบียน 36% เท่ากับ "เจดี แวนซ์" แคนดิเดตรองประธานาธิบดีของทรัมป์ แต่วอลซ์มีคะแนนไม่นิยม (unfavorable rating) เพียง 26% ขณะที่แวนซ์สูงถึง 46%

อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขันของรัฐบาลไบเดน ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตตที่มีชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับอาศัยอยู่มากที่สุดที่ในสหรัฐ และการหาเสียงของแฮร์ริสในเมืองดีทรอยต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอกลับเลี่ยงตอบประเด็นที่กลุ่มผู้ประท้วงตะโกนขัดจังหวะในระหว่างที่เธอหาเสียงเมื่อสัปดาห์ก่อน

ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งตะโกนแทรกขณะที่แฮร์ริสขึ้นพูดในดีทรอยต์เมื่อวันพุธ (7 ส.ค.) ว่า

“คามาลา คามาลา คุณหลบซ่อนไม่ได้ เราจะไม่ลงคะแนนให้กับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

ในตอนแรกแฮร์ริสปล่อยให้ผู้ประท้วงพูด จากนั้นเธอก็ตอบว่า “ดิฉันมาที่นี่เพราะเราเชื่อในระบอบประชาธิปไตย เสียงของทุกคนล้วนสำคัญ แต่ดิฉันกำลังพูดอยู่ ดิฉันกำลังพูดอยู่”

 

อ้างอิง: Al Jazeera, CNBC, The Times of Israel