ต่างชาติมอง ‘หุ้นไทย’ เสี่ยงหนัก 5 นักวิเคราะห์หวั่น 'การเมือง’ ลากยาว
5 นักวิเคราะห์มองตลาด ‘หุ้นไทย’ และค่าเงินบาทผันผวน เผชิญแรงกดดันจากความเสี่ยงทางการเมืองหลัง ‘เศรษฐา’ พ้นเก้าอี้นายกฯ กังวลความไม่แน่นอนทางนโยบายกระทบ‘เชื่อมั่น’
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานความเคลื่อนไหวตลาด "หุ้นไทย" ยังคงเผชิญแรงกดดันหลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ "เศรษฐา ทวีสิน" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า มีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของนโยบายที่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นักวิเคราะห์มองว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง และความน่าสนใจในการลงทุนยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข แต่รัฐบาลอาจจะยังไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ใช้งบประมาณกว่า 4.5 แสนล้านบาทว่าจะยังคงดำเนินการต่อไปหรือไม่
ในปีนี้ ตลาดหุ้นไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดของโลก โดยวานนี้(14 ส.ค.67)ปิดตลาดลดลง 0.4% ขณะเดียวกัน “เงินบาท” อ่อนค่าลงทันที
เปิด 5 มุมมองนักวิเคราะห์
-
กษิดิศ ชุณวัตร นักวิเคราะห์จากธนาคารซิตี้กรุ๊ป
ดัชนีหุ้นไทย โดยรวมจะเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น โดยหุ้นในกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ เช่น สินเชื่อผู้บริโภค ธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ จะเผชิญกับความเสี่ยงขาลงมากกว่ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศและสาธารณูปโภค
“ถึงแม้ว่าจะยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ แต่หากรัฐบาลชุดใหม่สามารถรักษาสมดุลได้ดีระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็อาจจะอยู่จนครบวาระ 4 ปี และสร้างเสถียรภาพทางการเมืองในระยะกลางได้”
- กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน
“คำตัดสินของศาลสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้น และภาคธุรกิจเกี่ยวกับความต่อเนื่องของนโยบาย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการค้า”
อย่างไรก็ตาม ยังมีจังหวะเข้าทำกำไรช่วงสั้นๆ ในหุ้น CP All ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคยังเป็นอีกทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
- คริสตัล ตัน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร ANZ
ตลาดอาจไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงด้านลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจที่เกิดจากความไม่สงบ และความล่าช้าในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ
ตันยังเน้นย้ำว่าจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะเกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองยืดเยื้อหรือไม่
- เว่ย เหลียง ชาง นักกลยุทธ์เศรษฐกิจมหภาค ธนาคารดีบีเอส
ความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับ นายกฯ คนใหม่ อาจเป็นอุปสรรคต่อการกำหนดนโยบาย และการปฏิบัติ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
หลังจากนี้ “เงินบาท” อาจอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นมีความระมัดระวังมากขึ้น รวมทั้งตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอาจเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีมุมมองต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น
- นิรกุนัน ติรุเชลวัม นักวิเคราะห์จาก อะเลเทีย แคปิตอล
สถานการณ์นี้จะยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยังสามารถเติบโตได้แม้จะมีความวุ่นวายทางการเมืองก็ตาม
“นี่เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะมองผ่านความไม่แน่นอนสู่การลงทุนระยะกลางในประเทศไทย”
ติรุเชลวัม เผยว่าเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย และไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์