ความสุขและการพัฒนายั่งยืนในเดนมาร์ก ผ่านมุมมองนักเรียนแลกเปลี่ยน | World Wide View

ความสุขและการพัฒนายั่งยืนในเดนมาร์ก ผ่านมุมมองนักเรียนแลกเปลี่ยน | World Wide View

เผยมุมมองอดีตนักเรียนไทยที่ได้แลกเปลี่ยนในเดนมาร์ก สิ่งที่หนุนให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความสุขเป็นอันดับ 2 ของโลก มาจากหลายปัจจัย ทั้งระบบรัฐสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพ ระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น และการสนับสนุนความยั่งยืน

จากข้อมูล The UN World Happiness Report 2024 เดนมาร์กถือเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2 ของปี 2024 ซึ่งหลาย ๆ ท่านคงเกิดคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น จากประสบการณ์ของผู้เขียนในฐานะที่เคยมีโอกาสไปแลกเปลี่ยนยังประเทศเดนมาร์กเป็นเวลา 1 ปี จะขอนำเรื่องราวที่ได้ประสบด้วยตนเองมาถ่ายทอดให้ทุกท่านได้เข้าใจเบื้องหลังของความสุขและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศเล็ก ๆ ในสแกนดิเนเวียแห่งนี้ 

ต้นเหตุเริ่มมาจากแนวคิดพื้นฐานของคนประเทศนี้ที่เชื่อเรื่อง “ปรัชญา Hygge” (ฮุกกา) อธิบายเกี่ยวกับการสร้างบรรยากาศที่อยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ผ่านการทำกิจกรรม เช่น ทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง หรือการผิงไฟหน้าเตาผิงด้วยกัน เป็นต้น ขณะที่ผู้เขียนไปแลกเปลี่ยน ก็ได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศ Hygge อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับครอบครัวอุปถัมภ์ (Host Family) และเพื่อน ๆ 

ระบบรัฐสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพ” ของเดนมาร์กก็เป็นอีกปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้คนมีความสุขเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาฟรีตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาต้น ค่ารักษาพยาบาลฟรี สิทธิลาคลอดระยะเวลานาน และเงินอุดหนุนครอบครัวที่มีเด็กแรกเกิดจำนวนมาก โดยจะสังเกตเห็นว่า Host Family ของผู้เขียนมีความสุขมากกับรัฐสวัสดิการเช่นนี้ 

โรงเรียนที่นี่ เน้นเรียนน้อย แต่ได้มาก” ที่เดนมาร์กจะมีช่วงเวลาเรียนประมาณ 4-5 ชั่วโมงต่อวัน หลังจากนั้น จะเน้นกิจกรรมนอกห้องเรียนเป็นหลัก ส่งผลให้นักเรียนมีความสุขและสามารถเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างโรงเรียน Ramum Efterskole ที่ผู้เขียนเคยไปเรียนก็มีสัดส่วนการเรียนที่น้อยกว่าการทำกิจกรรม ส่งผลให้ชีวิตนักเรียนของโรงเรียนนี้มีความสุขและสนิทสนมกัน อีกทั้งในปัจจุบัน ผู้เขียนยังติดต่อกับเพื่อนชาวเดนมาร์กอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ 

ที่สำคัญ รัฐบาลเดนมาร์กยังมีนโยบาย “Green Denmark” หรือ การเป็นผู้นำโลกด้านพลังงานสะอาด ส่งผลให้คนเดนมาร์กมีคุณภาพชีวิตที่ดี อากาศและน้ำปลอดมลพิษ และเพิ่มระดับความสุขขึ้นไปอีก ปัจจุบัน เดนมาร์กมีสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้ามากถึง 81% และมีเป้าหมายจะใช้พลังงานสะอาดทั้งหมด 100% ในปี ค.ศ. 2030 

ไทยสามารถต่อยอดอะไรได้บ้างจากเดนมาร์ก?

ด้านการพัฒนาพลังงานสะอาด ไทยสามารถต่อยอดการลงทุนพลังงานลมได้ โดยเดนมาร์กมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมมากที่สุดในโลกถึง 56% ซึ่งเป็นโอกาสทองของนักลงทุนไทยที่จะพิจารณาลงทุนด้านพลังงานลมต่อไปในอนาคต ด้านรัฐสวัสดิการ ไทยสามารถนำตัวอย่างของเดนมาร์กมาปรับใช้ได้ โดยเฉพาะเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการช่วยแก้ปัญหาสังคมสูงวัยและเด็กเกิดน้อยของไทย ตลอดจนด้านการศึกษา ที่สามารถเน้นให้เด็กเรียนอย่างมีความสุขและมีความหลงใหล (passion) ในการเรียน ซึ่งจะส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กอย่างมีนัยสำคัญ 

การต่อยอดทั้งสามด้านข้างต้นสอดคล้องกับนโยบาย Ignite Thailand ของรัฐบาล และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยพัฒนาได้อย่างยั่งยืนและสามารถก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในอนาคต