ขาขึ้น ‘บิตคอยน์’ สร้าง 'เศรษฐีคริปโตฯ' ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 95%
'เศรษฐีคริปโทฯ' กำลังผุดขึ้นราวดอกเห็ดทั่วโลก โดยพุ่งสูงขึ้น 95% ในช่วงปีที่ผ่านมา ขับเคลื่อนโดยความนิยมของกองทุน ETF บิตคอยน์และการเติบโตของตลาดคริปโทฯ จนทำให้เกิดเศรษฐีหน้าใหม่นับหลายหมื่นคนทั่วโลก
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า จำนวน “เศรษฐีคริปโทเคอร์เรนซี” ทั่วโลกพุ่งขึ้น 95% ในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากกองทุน ETF ของบิตคอยน์และสินทรัพย์คริปโทฯอื่น ๆ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
รายงานชิ้นใหม่จาก New World Wealth และ Henley & Partners เผยว่า ในปัจจุบันมีผู้ถือสินทรัพย์คริปโทฯมูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกจำนวน 172,300 คน เพิ่มขึ้นจาก 88,200 คนในปีที่ผ่านมา และจำนวนเศรษฐีบิทคอยน์ล้วน ๆ เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เป็น 85,400 คน
ส่วนเศรษฐีคริปโทฯมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปมีจำนวน 325 คน และเศรษฐีคริปโทฯมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ขึ้นไปมีจำนวน 28 คน
การเติบโตของเศรษฐีคริปโทฯ เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Bitcoin ETFs ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์มากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมกราคม และได้จุดประกายการเข้าร่วมของสถาบันการเงินจำนวนมาก
ในปีนี้ ราคาของบิตคอยน์เพิ่มขึ้น 45% ไปอยู่ที่ประมาณ 64,000 ดอลลาร์ และเมื่อสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น มูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์คริปโทฯก็เพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านล้านดอลลาร์จาก 1.2 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว ตามรายงานของ Henley
ในบรรดาเศรษฐีคริปโทฯ 6 คนใหม่ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา 5 คนมีฐานะร่ำรวยจากบิตคอยน์ ซึ่งสะท้อนถึงความโดดเด่นของบิตคอยน์ในการดึงดูดนักลงทุนระยะยาวที่ซื้อหุ้นจำนวนมาก ตามที่ แอนดรูว์ อาโมอิลส์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ New World Wealth กล่าว
สำหรับเศรษฐีคริปโทฯที่ร่ำรวยที่สุด (ปีที่ 3 ติดต่อกัน) คือ “ฉางเผิง จ้าว” ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต Binance ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์ โดยจ้าวยอมรับสารภาพผิดในข้อหาฟอกเงินในสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนและตกลงจ่ายค่าปรับ 50 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าทรัพย์สินของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 10,500 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การยอมรับสินทรัพย์คริปโทฯ ที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ เช่น BlackRock และ Fidelity โดยได้รับความช่วยเหลือจากทีมขายของ Morgan Stanley ซึ่งประกอบด้วยโบรกเกอร์ 15,000 คน อาจเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างความมั่งคั่งต่อไปในหมู่ผู้ถือคริปโทฯรายใหญ่
นอกจากนี้ คริปโทฯไม่เพียงแต่สร้างเศรษฐีมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงานของคนรวยด้วย โดย Henley ระบุว่า คนรวยจากคริปโทฯคนใหม่หลายคนกำลังมองหาการย้ายไปยังประเทศที่มีเขตอำนาจศาลซึ่งเป็นมิตรกับภาษีและคริปโทฯ
ตาม “Crypto Adoption Index” เพื่อจัดอันดับประเทศตามแนวทางการเก็บภาษีและการควบคุมดูแลคริปโทฯ สิงคโปร์อยู่ใน “อันดับแรก” ของดัชนี เนื่องจากมีระบบธนาคารที่สนับสนุน การลงทุนที่สำคัญ กฎระเบียบที่ครอบคลุม เช่น พระราชบัญญัติบริการชำระเงิน สนามทดสอบแนวคิดทางธุรกิจ และการปรับแนวทางให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก
ขณะที่ ฮ่องกง อยู่ในอันดับที่สอง ตามด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐ โดยในสหรัฐ มีประชากร 15% ที่เป็นเจ้าของคริปโทเคอร์เรนซี โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ความหนาแน่นสูงของตู้ ATM คริปโทฯ ธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโทฯ และจำนวนธุรกิจที่ยอมรับคริปโทเคอร์เรนซีที่เพิ่มขึ้น
อ้างอิง: cnbc