‘นิวซีแลนด์’ จ่อขึ้นภาษีท่องเที่ยว IVL จาก 700 สู่ 2,000 บาท หลายฝ่ายกังวล ‘นทท.หาย’

นิวซีแลนด์ประกาศแผนเตรียมเก็บภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเกือบ 3 เท่า ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากอุตสาหกรรมท่องเทียวในประเทศ

รัฐบาลผสมนำโดยพรรคแห่งชาติ (National Party) ของนิวซีแลนด์ ประกาศวันนี้ว่า รัฐบาลเตรียมขึ้นค่าธรรมเนียม International Visitor Conservation and Tourism Levy หรือ IVL จาก 35 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 740 บาท) สู่ระดับ 100 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 2100 บาท) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป

แมตต์ ดูซีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว เผยว่า การปรับขึ้นภาษีจะช่วยให้ประเทศหนุนการเติบโตในภาคการท่องเที่ยวได้ พร้อมกับสร้างความมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะมีส่วนร่วมใน “พื้นที่อนุรักษ์และโครงการต่าง ๆ ที่มีคุณค่าสูง เช่น การสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพในอุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ที่เปิดให้เยี่ยมชมอื่น ๆ และพัฒนาประสบการณ์นักท่องเที่ยวในเขตอนุรักษ์ที่เปิดสาธารณะ"

“ค่า IVL 100 ดอลลาร์ ถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนน้อย โดยมีสัดส่วนต่ำกว่า 3% ของค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เที่ยวในนิวซีแลนด์ หมายความว่า เงินก้อนนี้ไม่อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวมากนัก” ดูซีย์ กล่าว

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโอเตโรอา (Tourism Industry Aotearoa: TIA) องค์กรอิสระในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ระดับสูงสุด มองว่า การปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะทำให้ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวแพงมาก

องค์กรดังกล่าวบอกว่า การปรับขึ้นภาษี พร้อมกับเพิ่มค่าธรรมเนียมวีซ่า 60% อาจทำให้ค่าใช้จ่ายการเดินทางเยือนนิวซีแลนด์สูงถึง 500 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 10,600 บาท) มากกว่าค่าใช้จ่ายเที่ยวแคนาดา 2 เท่า และมากกว่าค่าใช้จ่ายเที่ยวออสเตรเลียราว 2 ใน 3

รีเบคกา อินแกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TIA กล่าวว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ยังคงตามหลังประเทศอื่นทั่วโลก และมาตรการนี้อาจลดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกลงไปอีก และแม้การเชื่อมโยงสายการบินไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับประเทศที่อยู่กันดับท้ายๆของโลก แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญ

สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (The International Air Transport Association: IATA) ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการดังกล่าว โดยบอกว่าการปรับขึ้นภาษีเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว

เซี่ย ซิงฉวน รองประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียเหนือและเอเชียแปซิฟิกของ IATA บอกว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายท่องเที่ยวทำให้การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์แพงขึ้น และน่าดึงดูดน้อยลง และจำนวนนักท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวช้าหลังปี 2569 ไปอีก

อัลจาซีราระบุว่า แม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดโควิดที่ย่ำแย่ได้แล้ว แต่จำนวนนักท่องเที่ยวยังคงอยู่ในระดับ 80% ของระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด ขณะที่ในปี 2566 การท่องเที่ยวนิวซีแลนด์สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจราว 13,200 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จึงกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

 

อ้างอิง: Al Jazeera