IMF มองต่าง นโยบายอุดหนุน ’จีน’ ไม่ใช่สาเหตุหลักของการ ‘เกินดุลการค้า’
IMF มองต่างสหรัฐ ชี้นโยบายอุดหนุน ‘จีน’ ไม่ใช่สาเหตุหลักของการ ‘เกินดุลการค้า’ จนทำให้สินค้าทะลักโลก ควรสนใจเศรษฐกิจระดับ 'มหภาค' มากกว่า
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาโต้แย้งว่าความกังวลที่ว่านโยบายของ “จีน” เช่น การให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรม ทำให้จีนมีการส่งออกสินค้ามากกว่าที่นำเข้าหรือการ “เกินดุลการค้า” นั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด ซึ่งเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยนัยต่อข้อกล่าวหาของสหรัฐที่กล่าวว่า จีนกำลัง "ทุ่มตลาด" ด้วยกำลังการผลิตส่วนเกินทางอุตสาหกรรมของตนต่อประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงของ IMF เขียนในบทวิเคราะห์ระบุว่าการช่วยเหลือของจีนต่อผู้ผลิตมีผลกระทบต่อการส่งออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเน้นย้ำว่าการสนับสนุนนั้นอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงซอฟต์แวร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ชิปคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของการส่งออกไปต่างประเทศ
มุมมองที่ว่านโยบายการค้าและอุตสาหกรรมของจีนอาจนำไปสู่ “China Shock 2.0” ที่อาจเกิดการเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก และปิดโรงงานในประเทศอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงซึ่งถูกพูดถึงในวงกว้างในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม IMF กลับมีมุมมองที่ต่างออกไป โดย IMF เห็นว่าความเห็นดังกล่าวอาจจะไม่ครอบคลุมภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมด และควรพิจารณาจากมุมมองที่กว้างขึ้นในมุมมองระดับมหภาค
ปิแระ-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ได้ให้ความเห็นว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยน เป็นตัวกำหนดดุลการค้าภายนอกของประเทศมากกว่านโยบายการค้า และอุตสาหกรรม แม้ว่านโยบายดังกล่าวจะมีผลกระทบบ้าง แต่ก็มีน้ำหนักน้อยกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม IMF ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐโดยตรง แม้ว่าสหรัฐจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของกองทุนก็ตาม ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้ากับจีนนั้นเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ เนื่องจากสินค้าราคาถูกจากจีนที่ไหลเข้าสู่ตลาดโลกได้จุดชนวนให้เกิดกระแสต่อต้าน
IMF บอกว่า สิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19 มากกว่านโยบายอุตสาหกรรมของจีน คือ พฤติกรรมของผู้บริโภค โดยคนจีนเริ่มออมเงินมากขึ้น ในขณะที่คนอเมริกันใช้จ่ายเงินมากขึ้น
ส่วนเรื่องที่จีนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเกือบ 9 ล้านคันในปีที่แล้ว จริงอยู่ว่าจีนผลิตเยอะมาก แต่การส่งออกรถยนต์ของจีนก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้นซึ่งคิดเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของผลผลิตทั่วโลก แต่การส่งออกรถยนต์ 1.2 ล้านคันคิดเป็นเพียง 1% ของสินค้าจีนเท่านั้น และผลผลิตส่วนเกินของจีนไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลอย่างรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
อ้างอิง Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์