รมต.สหราชอาณาจักร เสร็จภารกิจเยือนไทยย้ำร่วมมือ รัฐบาลแพทองธาร
แคทเธอรีน เวสต์ รัฐมนตรีกิจการอินโด-แปซิฟิกของสหราชอาณาจักร (รมต.สหราชอาณาจักร) เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนไทย ร่วมมือ รัฐบาลแพทองธาร เน้นย้ำการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แคทเธอรีน เวสต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนา รับผิดชอบกิจการอินโด-แปซิฟิก (รมต.สหราชอาณาจักร) เดินทางถึงไทยเมื่อวันก่อน เพื่อหารือกับรัฐบาลใหม่ของไทย (รัฐบาลแพทองธาร) โดยเน้นย้ำประเด็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน และประเด็นต่าง ๆ ในเรื่องความมั่นคงในภูมิภาค เช่น การที่รัสเซียรุกรานยูเครนและสถานการณ์ในเมียนมา
ในวันที่ 20 ก.ย. รัฐมนตรีกิจการอินโด-แปซิฟิก ของสหราชอาณาจักรได้หารือกับ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยในประเด็นที่การส่งเสริมเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืนและการเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นภารกิจหลักของรัฐบาลสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ เมื่อต้นสัปดาห์ นายดักลาส อเล็กซานเดอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงธุรกิจและการค้า รับผิดชอบกิจการนโยบายการค้าได้เดินทางเยือนกรุงเทพฯ เพื่อลงนามการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (ETP) ซึ่งจะทำให้ภารกิจการเติบโตดังกล่าวนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง
การเดินทางเยือนไทยครั้งแรกหลังทั้งสองประเทศมีรัฐบาลใหม่นี้ มีขึ้นหลังการลงนามแผนความเป็น หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์สหราชอาณาจักร-ไทย ในช่วงต้นปี 2567 ความเป็นหุ้นส่วนนี้จะช่วยยกระดับการค้าการลงทุน ความร่วมมือในประเด็น
ที่ทั้งสองประเทศมีร่วมกันทั้งกลาโหมและความมั่นคง วิทยาศาตร์ เทคโนโลยี และสาธารณสุขในระดับโลก
ในระหว่างเดินทางเยือน รัฐมนตรีกิจการอินโด-แปซิฟิกได้เห็นตัวอย่างของความร่วมมือนี้ โดยได้พบกับนักวิจัยที่ได้รับทุนจากกองทุนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ISPF) มูลค่า 337 ล้านปอนด์ หรือราว 14,800 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระหว่างสหราชอาณาจักรกับชุมชนนักวิจัยและนวัตกรในทุกพื้นที่ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
“การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและมั่นคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยประเทศไทยจะเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญในภารกิจนี้
เราจะทำงานร่วมกับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน แบ่งปันทักษะ และลงทุนในพลังงานสะอาด เพื่อทำให้เศรษฐกิจของเราแข็งแกร่งและปกป้องสภาพภูมิอากาศ” รัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนา รับผิดชอบกิจการอินโด-แปซิฟิกกล่าว