ค่ายรถไฟฟ้าเวียดนามอ่วมหนัก 'วินฟาสต์' ขาดทุนพุ่ง 27% ไตรมาส 2
'วินฟาสต์' ขาดทุนต่อในไตรมาสสองกว่า 770 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบปีที่แล้ว ผลพวงรุกขยายฐานต่างประเทศหนัก-ตั้งด้อยค่ารถค้างสต็อกพุ่ง
บริษัท วินฟาสต์ (Vinfast) ค่ายรถไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2024 ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 773.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.55 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่ง หรือเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นจากการรุกขยายฐานไปต่างประเทศ และจากการตั้งด้อยค่ารถค้างสต็อก แม้ว่าบริษัทจะมีรายรับเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม
รอยเตอร์สระบุว่า วินฟาสต์มีรายรับเพิ่มขึ้น 33% ในไตรมาสสองอยู่ที่ 357 ล้านดอลลาร์ แต่การขาดทุนในครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำถึง "ความเสี่ยง" ของกลยุทธ์การขยายตัวอย่างรวดเร็วของวินฟาสต์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทแม่อย่าง Vingroup
"เราเป็นแค่บริษัทสตาร์ตอัป และเราคาดว่าอาจจะขาดทุนต่ออีกประมาณ 2-3 ไตรมาส” เล ถิ ทู ถวี (Le Thi Thu Thuy) ประธานบริษัทวินฟาสต์ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ส
"อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้ขับเคลื่อนด้วยปริมาณการผลิต เมื่อเราเพิ่มปริมาณการผลิตและปรับต้นทุนให้เหมาะสม เราก็ควรจะสามารถกลับมาคืนทุนหรือทำกำไรได้"
เอกสารไฟลิ่งแจ้งตลาดระบุว่า รายจ่ายด้านยอดขายในไตรมาสสองเพิ่มขึ้น 25.5% จากไตรมาสก่อน จากยอดขายและการทำการตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ทางบัญชี
อัตรากำไรขั้นต้น (Gross margin) ติดลบ 62.7% ในไตรมาสสอง จากการตั้งด้อยค่ามูลค่าคงเหลือสุทธิของรถยนต์ที่คงค้าง 104 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 5 ล้านดอลลาร์จากไตรมาสก่อน ซึ่งประธานวินฟาสต์กล่าวว่าหากตัดเรื่องการตั้งด้อยค่าออกไป อัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นมาก
ทั้งนี้ในไตรมาสแรกวินฟาสต์ขาดทุนไป 618.3 ล้านดอลลาร์ ขณะที่วินฟาสต์กำลังเร่งขยายกิจการในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะในอินเดียและอินโดนีเซีย เพื่อรองรับอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในภูมิภาค และเพื่อชดเชยยอดขายที่ลดลงในสหรัฐ
เมื่อเดือน ก.ค.ปีนี้ วินฟาสต์เพิ่งประกาศระงับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ในรัฐนอร์ธ แคโรไลนา สหรัฐ โดยเลื่อนออกไปจนถึงปี 2028 เนื่องจากสภาพของตลาดรถอีวีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และลดเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ในปีนี้จากเป้าเดิม 1 แสนคัน เหลือ 8 หมื่นคัน
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 วินฟาสต์มีการส่งมอบรถยนต์ 22,348 คัน พุ่งขึ้น 101% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยครึ่งหนึ่งของตัวเลขดังกล่าวเป็นการส่งมอบรถยนต์ให้แก่บริษัทในเครือ
"เรามั่นใจว่าจะส่งมอบรถได้ถึงเป้าหมาย 80,000 คันในปีนี้ โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากตลาดเวียดนาม" ประธานวินฟาสต์กล่าว และเสริมว่าบริษัทได้รับคำสั่งซื้อรถรุ่น VF 3 มากกว่าที่สามารถตอบสนองได้ และสามารถส่งมอบรถได้เพียง 20,000 คันในปีนี้