‘โตโยต้า’ เลื่อนแผนผลิตอีวีในอเมริกาเหนือ! เหตุยอดขายทั่วโลกชะลอตัวลง
‘โตโยต้า’ เบรกแผนผลิตรถอีวีในอเมริกาเหนือ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก ยอดขายที่ชะลอตัว และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ทำให้แผนการเดิมของโตโยต้าต้องปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่
เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า บริษัทรถยนต์ “โตโยต้า มอเตอร์” (Toyota Motor) “เลื่อน” การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาเหนือไปเป็นช่วงครึ่งแรกของปี 2569 เนื่องจากยอดขายในตลาดรถยนต์หลักชะลอตัว
ก่อนหน้านั้น โตโยต้าเคยวางแผนจะเริ่มประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเอนกประสงค์ 3 แถวที่โรงงานในรัฐเคนทักกี ของสหรัฐในปี 2568 โดยลงทุน 1,300 ล้านดอลลาร์ในโรงงานดังกล่าว แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ โตโยต้าได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะเลื่อนวันเริ่มต้นออกไปอีกหลายเดือน
โตโยต้าระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นบางส่วนจากการปรับเปลี่ยนการออกแบบยานพาหนะ และจะพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวันเริ่มต้นใหม่
ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้วางแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 10 รุ่นทั่วโลกภายในปี 2569 แม้ว่ายังไม่ได้ประกาศรายชื่อรถยนต์ที่วางแผนผลิตในอเมริกาเหนือ แต่คาดว่า SUV ที่โรงงานเคนทักกีจะเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไป ซึ่งติดตั้งแชสซีที่ได้รับการอัปเดต
โตโยต้าเคยประกาศเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก 1.5 ล้านคันในปี 2569 แต่จากแผนการใหม่ที่สื่อสารไปยังซัพพลายเออร์ ปรากฏว่าตัวเลขดังกล่าวอาจลดลงเหลือประมาณ 1 ล้านคัน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐชะลอตัว
รถยนต์อีวีที่มีราคาแข่งขันได้กับรถยนต์เครื่องยนต์ยังคงเข้าสู่ตลาดอย่างช้าๆ ประกอบกับผู้บริโภคหันไปซื้อรถยนต์ไฮบริดแทน ซึ่งมีราคาถูกกว่าและเป็นด้านที่โตโยต้ามีข้อได้เปรียบ
ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้คาดว่า ตลาดอีวีในอเมริกาเหนือจะเติบโตในระยะยาว โตโยต้าวางแผนที่จะลงทุนในด้านนี้ต่อไป โดยเล็งเห็นถึงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่นๆ ได้ลงทุนในด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาเหนือเช่นกัน โดยอาศัยเครดิตภาษีที่ได้รับภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างฮอนด้า มอเตอร์ กำลังใช้เงินประมาณ 1 ล้านล้านเยน เพื่อสร้างโรงงานใหม่ในแคนาดา และจะเริ่มผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่โรงงานในรัฐโอไฮโอในปี 2568
อ้างอิง: nikkei