‘Google’ หันหน้าสู่ ‘พลังงานนิวเคลียร์’ สู้วิกฤติพลังงาน AI
Google กำลังพิจารณาหันมาใช้ ‘พลังงานนิวเคลียร์’ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานมหาศาลในการพัฒนา AI ซึ่งกินไฟฟ้าจำนวนมหาศาล
เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า “กูเกิล” (Google) ยักษ์ใหญ่ด้านเสิร์ชเอนจินระดับโลก กำลังพิจารณาว่าจะนำไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาใช้ที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของตนได้อย่างไร โดยซุนดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Google กล่าวในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียในกรุงโตเกียวว่า บริษัทกำลังมองหาวิธีตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่มหาศาลของโครงการปัญญาประดิษฐ์ (AI)
พิชัยกล่าวว่า Google ริเริ่มโครงการที่ต้องการจุดประกายการพัฒนาแหล่งพลังงานที่ปราศจากคาร์บอน เพื่อจุดประสงค์นั้น บริษัทของเขาจะเพิ่มการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานความร้อน
ที่ผ่านมา Google ได้เพิ่มการลงทุนในศูนย์ข้อมูลเพื่อพัฒนาและดำเนินงานโครงการปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ให้ดียิ่งขึ้น โดยในไตรมาสสอง บริษัทแม่ Alphabet เพิ่มการลงทุนประมาณ 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 13,100 ล้านดอลลาร์บนฐานกระแสเงินสด
“เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเราที่มีเทคโนโลยีพื้นฐานชิ้นเดียวนี้ซึ่งตัดผ่านทุกสิ่งที่เราทำในปัจจุบัน” พิชัยกล่าวเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์แบบสร้างสรรค์ “ผมคิดว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในที่นี้เป็นสิ่งที่เรากำลังยึดถือ”
พิชัยมีตอบโต้คำวิจารณ์จากบางฝ่ายที่กล่าวว่า บริษัทฯกำลังลงทุนใน AI มากเกินไป “ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มขนาดใหญ่” เขากล่าว “การลงทุนจำนวนมากในช่วงเริ่มต้นนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะเราต้องสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว”
Google มุ่งหวังที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ทั่วทั้งการดำเนินงานและห่วงโซ่มูลค่าทั้งหมดภายในปี 2030 แต่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของ Google ในปี 2023 กลับเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยคำนวณเป็นคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ปัญหาการปล่อยก๊าซเช่นนี้มาจาก AI แบบสร้างสรรค์ เนื่องจากเทคโนโลยีนี้กินไฟฟ้าจำนวนมหาศาล ทำให้ Google ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการรักษาแหล่งพลังงานและลดการปล่อยมลพิษในเวลาเดียวกัน
“นี่เป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานมาก” พิชัยกล่าวถึงเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ “และเรายังคงจะทำงานอย่างกระตือรือร้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น แน่นอนว่าวิถีของการลงทุนใน AI ได้เพิ่มขนาดของงานที่จำเป็น”
“ตอนนี้เรากำลังมองหาการลงทุนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ หรือการประเมินเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลขนาดเล็ก เป็นต้น”
ทั้งนี้ พิชัยไม่ได้ระบุว่า Google อาจเริ่มจัดซื้อไฟฟ้าที่ผลิตจากนิวเคลียร์ที่ใดและเมื่อใด แต่บางส่วนอาจมาจากสหรัฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของคู่แข่งด้านคลาวด์อย่าง Amazon.com
อ้างอิง: nikkei