คู่รักญี่ปุ่นยุคใหม่ไม่ซื้อเครื่องซักผ้า หันใช้ ‘ร้านสะดวกซัก’ แทน

คู่รักญี่ปุ่นยุคใหม่ไม่ซื้อเครื่องซักผ้า หันใช้ ‘ร้านสะดวกซัก’ แทน

จากที่เคยเป็นเพียงทางเลือกสำหรับคนโสด ‘ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ’ ในญี่ปุ่นตอนนี้กลายเป็นที่นิยมในกลุ่มคู่รักวัยทำงาน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ที่เน้นความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นมากขึ้น

KEY

POINTS

  • ญี่ปุ่นมีร้านซักผ้าหยอดเหรียญราว 23,000 แห่งในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จาก 10 ปีก่อน
  • คนหนุ่มสาวญี่ปุ่นกำลังอาศัยอยู่โดยไม่มีเครื่องซักผ้าที่บ้านมากขึ้น เช่น ในบ้านเช่าแบบแชร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงสิบปีเป็น 5,808 แห่งในปี 2566
  • ร้านซักผ้าหยอดเหรียญมักตั้งอยู่ติดกับคาเฟ่และสนามกอล์ฟในร่ม เพื่อดึงดูดการใช้จ่ายของผู้คนที่รอซักผ้าเสร็จสิ้น และ 40% ของลูกค้าเข้ามาในช่วงกลางวันของวันสุดสัปดาห์และวันหยุด 

ในญี่ปุ่น “ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ” ซึ่งเคยเป็นทางเลือกสำหรับนักเรียนและคนโสด กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในหมู่ “คู่สมรส” ที่ทำงานและต้องการประหยัดเวลา โดยการเติบโตของร้านซักผ้าหยอดเหรียญสอดคล้องกับการที่คู่สมรสทั้งสองฝ่ายทำงานนอกบ้านมากขึ้น

เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า แทนที่จะซักผ้าทุกวันหรือสองวันครั้ง ตอนนี้คนญี่ปุ่นรอกองเสื้อผ้าสะสมจนถึงหนึ่งสัปดาห์ แล้วค่อยนำไปซักในเครื่องที่ทั้งปั่นและอบแห้งในตัวทีเดียว ก่อนจะออกไปช้อปปิ้งเพลิน ๆ ระหว่างรอ

“ทั้งสามีและฉันทำงาน อีกทั้งเราเคยซักและตากผ้าทุกคืน” ลูกค้าอายุ 40 กล่าว “ฉันเหนื่อยกับการตากและเก็บผ้าจำนวนมาก จึงหันไปใช้บริการร้านซักผ้าหยอดเหรียญ”

ตามข้อมูลของ Tosei ผู้จัดจำหน่ายเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ระบุว่า ญี่ปุ่นมีร้านซักผ้าหยอดเหรียญราว 23,000 แห่งในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จาก 10 ปีก่อนและมีจำนวนมากกว่าร้านซักแห้งเป็นครั้งแรก การเติบโตนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของครัวเรือนญี่ปุ่น

คู่รักญี่ปุ่นยุคใหม่ไม่ซื้อเครื่องซักผ้า หันใช้ ‘ร้านสะดวกซัก’ แทน - ร้านสะดวกซักในญี่ปุ่น (เครดิต: Shutterstock) -

30% ของลูกค้าร้านสะดวกซัก คือคู่รักวัยทำงาน

ญี่ปุ่นมีครอบครัวที่ทั้งสามีและภรรยาทำงานสูงถึง 12.78 ล้านครัวเรือนในปี 2566 ซึ่ง “เพิ่มขึ้นประมาณ 20%” จาก 10 ปีก่อน โดยครัวเรือนประเภทนี้คิดเป็นราวกว่า 30% ของผู้ใช้ในร้านซักผ้าหยอดเหรียญ ตามที่ Takehiko Takahashi สมาคมร้านซักผ้าหยอดเหรียญแห่งญี่ปุ่นกล่าว

ตอนนี้เหล่าคู่รักที่ทำงานตระหนักในการใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งยูกะ คอนโด (Yuka Kondo) จากสถาบันชีวิตและการดำเนินชีวิตฮาคุโฮโดกล่าวว่า “กับร้านซักแห้ง คุณต้องไปรับเสื้อผ้าในภายหลัง แต่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญมีประสิทธิภาพด้านเวลาที่ดีกว่า เนื่องจากคุณสามารถนำเสื้อผ้ากลับบ้านได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง”

ตามการสำรวจโดย Fancrew ผู้ให้บริการข้อมูลธุรกิจ ระบุว่า ปัจจุบันร้านซักผ้าหยอดเหรียญมักตั้งอยู่ติดกับคาเฟ่และสนามกอล์ฟในร่ม เพื่อดึงดูดการใช้จ่ายของผู้คนที่รอคอยให้เครื่องซักผ้าเสร็จสิ้น และประมาณ 40% ของลูกค้าเข้ามาในช่วงกลางวันของวันสุดสัปดาห์และวันหยุด 

บ้านหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไม่มีเครื่องซักผ้ามากขึ้น

เดิม “เครื่องซักผ้า” ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องมีในบ้าน คล้ายพัดลม เตียงนอน แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ของสิ่งนี้อาจไม่ได้จำเป็นในปัจจุบัน โดยคนหนุ่มสาวญี่ปุ่นกำลังอาศัยอยู่โดยไม่มีเครื่องซักผ้าที่บ้านมากขึ้น เช่น ในบ้านเช่าแบบแชร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงสิบปีเป็น 5,808 แห่งในปี 2566 ร้านซักผ้าหยอดเหรียญที่ติดอยู่กับบ้านเช่าแบบแชร์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

พนักงานออฟฟิศอายุ 25 ปีคนหนึ่งในเมืองนาโกยามีเครื่องซักผ้าที่บ้าน แต่ยังคงใช้ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ “ฉันไม่มีห้องน้ำที่มีฟังก์ชันเครื่องอบผ้า และระเบียงของฉันไม่ใหญ่พอสำหรับตากผ้า” เธอกล่าว “ง่ายกว่าที่จะซักผ้าทั้งสัปดาห์ในครั้งเดียวที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ”

ตอบโจทย์คนไม่อยากตากผ้า

นอกจากนี้ เทรนด์ร้านซักผ้าหยอดเหรียญยังช่วยตอบโจทย์ปัญหาของการตากผ้าอย่าง คาซึอากิ ทามุระ (Kazuaki Tamura) จากร้านซักผ้าหยอดเหรียญเชน Sentaku Tengoku กล่าวว่า “จำนวนคนที่ไม่ตากผ้าข้างนอก เพื่อหลีกเลี่ยงพายุทรายเหลืองและละอองเกสรเพิ่มขึ้น และนี่คือแรงขับเคลื่อนการขยายตัวของตลาด” 

ส่วนหญิงวัย 42 ปีที่ทำงานในโตเกียวกล่าวว่า “ฉันไม่สามารถออกจากบ้านขณะที่ผ้ายังตากอยู่ข้างนอก เนื่องจากอาจเกิดฝนตกอย่างไม่คาดคิดหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างกะทันหัน” 

หลังจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้คนต้องการเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น “เสื้อผ้าทำงานสไตล์ลำลอง” ที่สามารถใส่ได้ทั้งวัน จึงเป็นที่ต้องการของตลาด

บรรดาร้านค้าปลีกเสื้อผ้า เช่น Aoyama Trading, Workman และ Fast Retailing ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Uniqlo ได้เข้าร่วมเทรนด์นี้ สถาบันวิจัย Yano ได้คาดการณ์ว่า ตลาดชุดสูทแบบซักได้ของญี่ปุ่นมีแนวโน้มแตะ 21,000 ล้านเยน (ราว 4,700 ล้านบาท) ในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.4 เท่าจากตัวเลขในปี 2563

ในยุค 50 เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ขาวดำ และตู้เย็น คือ “สามสิ่ง” ที่ครัวเรือนญี่ปุ่นใฝ่ฝันจะมีครอบครอง ในยุคโชวะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เลือกที่จะทำหน้าที่แม่บ้าน เครื่องซักผ้าจึงกลายเป็นของใช้ประจำวันที่ขาดไม่ได้ แต่ปัจจุบันวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้เครื่องซักผ้าส่วนตัวค่อยๆ สูญเสียความสำคัญลงไป และ “ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ” กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งแทน

อ้างอิง: nikkei