‘อิสราเอล’รำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่ 7 ต.ค.

‘อิสราเอล’รำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่ 7 ต.ค.

สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล และชุมชนชาวอิสราเอลในประเทศไทยร่วมพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีการโจมตีของกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮามาสในดินแดนอิสราเอล เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.2566

พิธีจัดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์ (7 ต.ค.) ประกอบด้วยการยืนไว้อาลัย การกล่าวสุนทรพจน์ คำบอกเล่าจากบุคคลต่างๆ คลิปวิดีทัศน์สั้น คำอธิษฐาน และบทเพลงที่ขับร้องโดยชาวอิสราเอลและชาวไทย รวมถึงตัวแทนจากชุมชนชาวคริสต์ในประเทศไทย ครอบครัวของแรงงานไทยที่ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีมาร่วมงานด้วย ‘อิสราเอล’รำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่ 7 ต.ค.

นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การสังหารหมู่เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทำให้อิสราเอลและไทยกลายมาเป็นผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุข และพร้อมจะเคียงข้างกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กล่าวคือ มีแรงงานไทยถูกสังหาร 41 คน และอีก 31คนถูกจับไปเป็นตัวประกัน ในขณะนี้ยังมีแรงงาน 8 คนที่ยังถูกกักขังอยู่ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ชาวอิสราเอลทั้งปวงขอยืนเคียงข้างครอบครัวของผู้บริสุทธิ์ชาวไทยที่เสียชีวิตและถูกจับไปเป็นตัวประกัน  ‘อิสราเอล’รำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่ 7 ต.ค.

ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่จากสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อเยี่ยมเยือนให้กำลังใจครอบครัวของเหยื่อชาวไทยทุกคน ยิ่งไปกว่านั้น รัฐอิสราเอลสัญญาว่าจะให้การสนับสนุนและชดเชยแก่คนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอันโหดร้ายในครั้งนี้ เช่นเดียวกับที่พลเมืองอิสราเอลจะได้รับ เพราะว่า การสูญเสียของคนไทยคือการสูญเสียของเรา ชาวอิสราเอลขอร่วมแบ่งปันความเจ็บปวดของชาวไทยในครั้งนี้”

นอกจากเอกอัครราชทูตแล้ว นายดอร์ มิโชลี ผู้ต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในวันที่เกิดเหตุ และนางสาวอ้อยใจ ไชยศรี ภรรยาม่ายของนายอานันต์ เพชรแก้ว คนงานไทยในคิบบุตซ์ อลูมิม ที่เสียชีวิตในวันนั้น ร่วมกล่าวสุนทรพจน์เช่นกัน  ‘อิสราเอล’รำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่ 7 ต.ค.

สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลรายงานว่า เมื่อเวลา 06.29 น. ของวันแห่งเคราะห์ร้ายนั้น ชาวอิสราเอลถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงไซเรน เมื่อขีปนาวุธนับพันลูกถูกยิงเข้ามาทั่วประเทศ และในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ก่อการร้ายติดอาวุธฮามาส ก็บุกโจมตีอิสราเอลอย่างโหดเหี้ยม ไปตามบ้านเรือนของชาวอิสราเอล และในงานเทศกาลดนตรี ทำให้ผู้บริสุทธิ์กว่า 1,200 รายต้องเสียชีวิต มีทั้งพลเมืองอิสราเอล ชาวต่างชาติ และแรงงานไทยถึง 41ราย

ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ยังมีผู้คน 255 รายที่ถูกจับเป็นไปตัวประกัน ได้แก่ ชาย หญิง ผู้สูงอายุ เด็ก และทารก รวมถึงชาวไทย 31 ราย ปัจจุบันนี้กลุ่มก่อการร้ายฮามาสยังคงคุมขังตัวประกัน 101 รายไว้ในอุโมงค์ใต้ฉนวนกาซา ในจำนวนนี้มีแรงงานไทย 6 ราย และร่างของแรงงานไทยอีก 2 ราย ที่ถูกสังหารไปเมื่อวันที่ 7  ต.ค.