‘สหรัฐ’ เตรียมส่งทหารไป 'อิสราเอล' พร้อมระบบสกัดกั้นขีปนาวุธขั้นสูง

ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน เผยเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ว่า การส่งทหารไปอิสราเอล พร้อมกับระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง มีจุดประสงค์เพื่อ “ปกป้องอิสราเอล” ประเทศที่คาดว่าอาจทำการตอบโต้อิหร่าน หลังถูกอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธมากกว่า 180 ลูกเมื่อวันที่ 1 ต.ค.

พล.ต. แพทริก ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ อธิบายว่า การส่งกำลังพลดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนแนวทางครั้งใหญ่ของกองทัพสหรัฐที่ดำเนินการมาสองสามเดือนแล้ว เพื่อสนับสนุนอิสราเอลและปกป้องบุคลากรของสหรัฐจากการโจมตีของอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านสนับสนุน

อย่างไรก็ตาม การส่งกำลังพลจากกองทัพสหรัฐไปยังอิสราเอลนั้นถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักนอกเหนือจากการซ้อมรบ เนื่องจากอิสราเอลมีศักยภาพทางทหารเช่นกัน

รอยเตอร์สรายงานว่า ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมากองทัพสหรัฐได้ช่วยเหลือด้านการป้องกันภัยแก่อิสราเอลหลายระดับ ตั้งแต่ส่งเรือรบและเครื่องบินรบไปยังตะวันออกกลางเมื่ออิสราเอลตกอยู่ภายใต้การโจมตีของอิหร่าน แต่กองทหารเหล่านั้นประจำการอยู่นอกอิสราเอล

ทั้งนี้ ระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูง (Terminal High Altitude Area Defense system: THAAD) ถือเป็นส่วนสำคัญของระบบป้องกันภัยทางอากาศในหลายระดับชั้นของสหรัฐ และจะเป็นส่วนเสริมให้กับระบบป้องกันภัยทางอากาศที่แข็งแกร่งของอิสราเอล

ระบบ THAAD ใช้กำลังพลราว 100 คนในการปฏิบัติงาน ซึ่งนี้ประกอบไปด้วยเครื่องยิงขีปนาวุธที่ติดตั้งบนรถบรรทุก 6 เครื่อง และเครื่องยิงแต่ละเครื่องจะมีเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธอยู่ 8 ตัว พร้อมเรดาร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ออกมาเตือนเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐจะเอาชีวิตทหารของตนเองไปเสี่ยงด้วยการส่งไปปฏิบัติการและควบคุมระบบขีปนาวุธสในอิสราเอล

ด้านผู้เชี่ยวชาญบอกว่า อิหร่านพยายามหลีกเลี่ยงทำสงครามโดยตรงกับสหรัฐ แต่การส่งทหารสหรัฐไปยังอิสราเอลเป็นอีกปัจจัยที่อิหร่านอาจนำมาพิจารณาวางแผนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลายฝ่ายจับตาการตอบโต้กลับของอิสราเอล ในอีกทางหนึ่ง สหรัฐยังได้เรียกร้องอิสราเอลเป็นการส่วนตัวให้ปรับเปลี่ยนการตอบโต้เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดสงครามเป็นวงกว้างในตะวันออกกลาง โดยปธน.ไบเดนได้แสดงจุดยืนคัดค้านคัดค้านการโจมตีฐานน้ำมันอิหร่าน และแสดงความกังวลต่อการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่าน

อ้างอิง: Reuters